ประธานาธิบดีแซร์จิโอ มัตตาเรลลา ประกาศยุบสภาเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี เข้าพบเพื่อยื่นหนังสือลาออก สืบเนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรคใหญ่บอยคอตต์การลงมติไว้วางใจต่อตัวเขาในการประชุมของวุฒิสภาเมื่อวันพุธ แม้เขาชนะโหวตก็ตาม และมัตตาเรลลาอนุมัติการลาออกและขอให้ดรากีรักษาการตำแหน่งชั่วคราวจนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่
ประธานาธิบดีมัตตาเรลลา แถลงว่า สถานการณ์ทางการเมืองสะท้อนชัดเจนว่า รัฐบาลสูญเสียเสียงสนับสนุนในรัฐสภา และไม่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ครองเสียงข้างมากได้ จึงต้องยุบสภาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเลือกตั้งก่อนกำหนดจะจัดขึ้นภายใน 70 วัน ซึ่งแหล่งข่าวคาดว่าจะจัดในวันที่ 25 ก.ย.
การลาออกของดรากีมีขึ้นแม้ผลสำรวจหลายสำนักเมื่อเร็ว ๆ นี้บ่งชี้ว่า ชาวอิตาลีส่วนใหญ่อยากให้เขาอยู่ในตำแหน่งจนกว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเดือน พ.ค. ปีหน้า
ดรากี ซึ่งเป็นอดีตประธานธนาคารกลางยุโรป ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกของรัฐบาลผสมเมื่อเดือน ก.พ. 2564 และได้รับคำชื่นชมจากการบริหารประเทศตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา เขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ในช่วง 8 ปี และมีส่วนร่วมวางแผนการปฏิรูปของอิตาลีเพื่อให้ได้รับอนุมัติเงินฟิ้นฟู 200,900 ล้านยูโรจากกองทุนเยียวยาโควิด-19 ของสหภาพยุโรป
ชาวบ้านคนหนึ่งในกรุงโรม บอกว่า “มันไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะเกิดวิกฤตรัฐบาล มันควรเป็นเวลาเดินหน้า ไม่ใช่หยุดนิ่ง” และอีกคน บอกว่า เป็นการกระทำที่ไม่รับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาลจากการไม่ตระหนักว่าเป็นช่วงเวลาสงครามในยูเครนและการระบาดของโควิด-19 และผู้สนับสนุนของดรากี เตือนว่า รัฐบาลล่มจะยิ่งซ้ำเติมความยากลำบากของประชาชนที่เผิชญอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง และความล่าช้าในการจัดสรรงบประมาณปี 2566
นอกจากนี้สื่อฉบับหนึ่งพาดหัวข่าวใหญ่ด้วยคำว่า “น่าละอาย” และอีกฉบับพาดหัวว่า “อิตาลีถูกหักหลัง” ขณะที่นักลงทุนแห่เทขายหุ้นและพันธบัตรรัฐบาลด้วยความวิตกต่อวิกฤตการเมืองและการเลือกตั้งใหม่
ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้บ่งชี้ว่า แนวร่วมพรรคอนุรักษ์นิยมนำโดยพรรค Brothers of Italy มีแนวโน้มครองเสียงข้างมากในการเลือกตั้งครั้งหน้า