19 ก.ค.65 การประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี วันแรก เปิดด้วย "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำฝ่ายค้านได้อภิปรายในภาพรวม ด้วยการกล่าวหา "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้นำประเทศบริหารประเทศบกพร่องล้มเหลวหลายด้าน
อย่างไรก็ดี ช่วงหนึ่งของการอภิปราย "นพ.ชลน่าน" ได้นำหัวข้อ "608" ซึ่งเป็นตัวเลขทางสาธารณสุขใช้กับ "กลุ่มผู้สูงอายุ" ในการเข้าถึงการดูแลรักษาตามสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด มาเปรียบเปรยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์
"เป็นรัฐบาลกลุ่ม 608 ไร้ความสามารถ อมโรคป่วย เราจะปล่อยให้รัฐบาล 608 ดูแลประเทศชาติบ้านเมืองต่อไปหรือ " นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายไว้ในตอนหนึ่ง
การอภิปรายพาดพิงกลุ่มผู้สูงอายุ 608 ของนพ.ชลน่าน นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่พอใจในวงกว้าง เพราะทันทีที่นพ.ชลน่านอภิปรายจบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงประเด็นนี้ทันทีว่า
"เมื่อสักครู่ผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้พูดถึง 608 คุณต้องให้เกียรติ 608 เขาด้วย เพราะประชากรที่สูงอายุ เราต้องให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ"
นายกฯ กล่าวด้วยว่า "นายกไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านว่าฉลาดที่สุดนั่นแหละ ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ..."
ไม่เพียงเท่านั้น การอภิปรายของนพ.ชลน่าน ยังทำให้นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ อภิปรายไม่ไว้วางใจเปรียบเทียบการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของนายกฯ คือรัฐบาล 608 ไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ ทนต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และอมโรคป่วย
"หากหมอชลน่านพูดถึง 608 และหมายความถึงกลุ่มผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ นั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร นำมาเปรียบเทียบในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นการดูถูกกลุ่มคนเปราะบางของสังคม กดทับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยตรง และหมอชลน่าน เคยเป็นอดีตแพทย์แต่นำเรื่องนี้มาล้อเล่น มาเป็นวาทกรรมทางการเมืองเพื่อโจมตีรัฐบาล ถือว่าไร้จรรยาบรรณ ไร้ศีลธรรมอย่างยิ่ง อยากถามว่ามีหัวใจเป็นหมอ หลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่" นายชนะศักดิ์ กล่าว
"นายชนะศักดิ์" กล่าวต่อไปว่า หรือว่าตั้งแต่หมอชลน่านเปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักการเมือง ก็ไม่มีหัวใจที่จะอยากรักษาผู้ป่วยแล้ว และยิ่งไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย จนได้มาเป็นหัวหน้าพรรค ก็คงไม่ได้คิดถึงใครไม่คิดถึงประชาชนนอกจากนายใหญ่ นายหญิง ที่เป็นนักโทษหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้พ้นผิดกลับประเทศให้ได้เท่านั้น
นอกจากนี้ที่หมอชลน่านฝากส.ส.ที่มาจากประชาชน ต้องคำนึงถึงความต้องการประชาชน ตนมองว่าหมอชลน่านควรไปฝากกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมากกว่ารวมถึงหัวหน้าพรรคว่าทำงานคำนึงถึงความต้องการประชาชนหรือไม่
"อายประชาชน งานนี้ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายเข้าตัวนายใหญ่ของตัวเองมากกว่า โดนนายกฯสวนกลับหน้าแตก เสียความเป็นหมอ จนต้องเอาปี๊บคุมหัวเดินออกจากสภาเป็นแน่" นายชนะศักดิ์ กล่าว
อนึ่ง กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เคยให้คำจำกัดความ "กลุ่ม 608" คืออะไร
กลุ่ม 608 คือกลุ่มคนที่ต้องได้รับการวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากที่สุดนั่นคือกลุ่มผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม 7 โรคประจำตัว ได้แก่
โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคไตวายเรื้อรัง
โรคหลอดเลือดสมอง
โรคอ้วน
โรคมะเร็ง
โรคเบาหวาน
และ+1 คือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีอาการรุนแรงของโรคมากหากติดเชื้อโควิด-19
เช่นเดียวกับ "นายราเมศ รัตนะเชวง" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การเปิดอภิปรายในญัตติโดยนายชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีการกล่าวหารัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ต้องบอกว่าไร้น้ำหนักไม่สมราคาดังที่โหมไว้โรงแทบหัก มีแต่วาทกรรมที่ใช้ซ้ำมาตลอด เช่นรัฐบาลปรสิต พรรคร่วมเป็นเห็บเหา ประชาชนฟังแล้วผิดหวังเพราะไร้ซึ่งเนื้อหาสาระที่จะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลยกพร่องทุจริตในการทำหน้าที่อย่างไร การอภิปรายเหมือนการลุกขึ้นหารือต่อสภา
การอภิปรายที่กล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลปรสิตนั้น เป็นการกล่าวหาที่เกินไปประชาชนทราบดีว่าเป็นเพียงวาทกรรมไม่ตรงตามความเป็นจริง ที่ผ่านมาตลอดเวลาที่รัฐบาลเข้าบริหารราชการแผ่นดิน มุ่งมั่นตั้งใจทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ ฝ่ายค้านบิดเบือนประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่มองออกว่าประโยชน์ที่ประชาชนได้รับมีอะไรบ้าง สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 รัฐบาล ดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพภาคเกษตรกรได้รับการดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีโครงการประกันรายได้ เรื่องแหล่งน้ำ รัฐบาลช่วยเหลือให้ดีขึ้น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีหลักการชัดเจน คือการปกป้องและเชิดชู สถาบันพระมหากษัตริย์ และอีกมากมายที่เกิดประโยชน์กับประชาชน
"นายราเมศ" กล่าวต่อว่า นายชลน่าน ฝังใจรัฐบาลสมัยของตน ที่มีการทุจริตอย่างมโหฬาร ไม่เคยมีขึ้นในประเทศ ประวัติศาสตร์บันทึกไว้นั่นคือความหมายของคำว่ารัฐบาลปรสิต ที่สูบกินประเทศจนเหลือแต่กระดูก คำว่ารัฐบาลปรสิต จึงเหมาะสมกับรัฐบาลที่ทุจริตมากกว่า และนายชลน่านเปรียบเสมือนลูกน้องปรสิต ก็ฝังใจพฤติกรรมของรัฐบาลปรสิตดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการออกนโยบายในเชิงคิดทุจริตไว้ล่วงหน้า นำไปสู่การโกงประเทศอย่างเป็นระบบ ทุจริตในโครงการจำนำข้าว ที่ประเทศมีความเสียหายเกือบล้านล้านบาท ประชาชนตัดสินได้เลยว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลปรสิตแต่เป็นรัฐบาลที่คิดทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชน และที่สำคัญเป็นรัฐบาลที่ทำงานโดยยึด ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้ง
นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า ที่กล่าวหาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีว่าสั่งการบัญชาการในการแก้กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งให้ใช้วิธีการคำนวณโดยให้หารจำนวน ส.ส.500 เรื่องนี้เป็นการบิดเบือนกล่าวหานายกรัฐมนตรีที่ร้ายแรง และดูถูกการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา หลักการตามรัฐธรรมนูญแบ่งแยกการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติออกชัดเจน ห้ามแทรกแซงก้าวก่ายการทำหน้าที่ซึ่งกันและกัน เป็นหลักพื้นฐาน นายชลน่านบิดเบือนเพื่อโจมตีนายกรัฐมนตรีเพียงเท่านั้น นายกรัฐมนตรีจะไปสั่งหรือบัญชาการบังคับสมาชิกรัฐสภาได้อย่างไร ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยได้้รับคำสั่งจากใครในการลงมติร่างกฎหมายเลือกตั้งที่ผ่านมา
ชมคลิป>>>