"ก้าวไกล"อัดส.ส.-ส.ว.ร่วมผ่านสูตรสืบทอดอำนาจยันไม่ร่วมสังฆกรรม

7 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล รวมถึง ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวต่อกรณีรัฐสภาลงมติเห็นชอบสูตรหาร 500 คำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ

โดยนายชัยธวัช กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา การลงมติของรัฐสภา มิได้เป็นไปเพื่อออกแบบระบบการเลือกตั้งที่ดีให้กับประชาชน แต่เป็นการลงมติเพียงเพื่อความต้องการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเป็นการลงมติที่อัปยศที่สุด

"พรรคก้าวไกลยืนยันเราว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ พ.ร.ป. การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และจะคัดค้านอย่างถึงที่สุด รวมถึงคัดค้านการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ และร่วมมือกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อออกจากระบอบประยุทธ์ให้ได้ ทั้งการผลักดันผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจและปมวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีด้วย" นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช ยังกล่าวถึงเส้นทางของร่างกฎหมายดังกล่าวในอนาคตว่า หากศาลรัฐธรรมนูญส่งความเห็นกลับมาว่าขัดรัฐธรรมนูญ สภาก็จะได้แก้ไขอีกครั้ง ซึ่งจะต่อสู้อย่างเต็มที่ให้เกิดการแก้ไขร่าง พ.ร.ป. ให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญให้ได้

"สิ่งที่เราเป็นกังวลมากที่สุดคือ หากมีเจตนาจะสืบทอดอำนาจโดยไม่สนใจกระบวนการอะไรเลย การชุลมุนแบบนี้ อาจนำไปสู่เดดล็อค ไม่มี พ.ร.ป. เลือกตั้งฯ แม้มีการยุบสภา ก็เท่ากับกติกาเลือกตั้งอยู่ในมือ พล.อ. ประยุทธ์ ต่อไปอีก" เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว

ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวชี้แจงในฐานะ กมธ. เสียงส่วนน้อย ผู้แปรญัตติหาร 100 ว่า การแปรญัตติของตนที่ยื่นไป เพราะเห็นว่าร่าง กมธ. เสียงส่วนใหญ่ ไม่รอบคอบ เพราะนำกฎหมายเลือกตั้งปี 54 มาใช้ผสมกับระบบเลือกตั้งปี 40 จนอาจเกิดปัญหา ส.ส. ปัดเศษได้ 

ขณะที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก กล่าวด้วยว่า พรรคมีจุดยืนสม่ำเสมอคือระบบการเลือกตั้งจะต้องออกแบบประณีตและเห็นแก่ประชาชน โดยใช้กระบวนการสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แต่เมื่อกระท่อนกระแท่นแบบนี้ ไม่มีตัวเลือกเลยนอกจากระบบคู่ขนานหารด้วย 100

"น่าผิดหวัง กมธ. เสียงส่วนใหญ่ที่ยืนยันมาตลอดว่าให้หาร 100 แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์กลับมีการเปลี่ยนท่าทีให้เอา 500 ให้ได้ นี่คือเรื่องที่ฝ่ายบริหารแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติอย่างน่าสงสัยที่สุด อย่างไรก็ดี ระบบการเลือกตั้งรอบนี้ อย่างไรก็เป็นเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มอำนาจเดิม เราจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับการสืบทอดอำนาจแน่นอน" นายปดิพัทธ์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าตอนแรกจะเป็นระบบหาร 100 แต่วันสองวันก็พลิกกลับ ตนสงสัยว่าไหน คือ ความอิสระของสมาชิกวุฒิสภา ที่พูดเสมอ สุดท้าย ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลไปคุยที่ทำเนียบตามที่เข้าใจ น้่นหมายความว่าไม่มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง กลับไปใช้ระบบหาร 500 เป็นความพยายามสืบทอดอำนาจ และคาดว่าจะมีต่อไปในภายภาคหน้า 

"เราผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้ นี่ไม่ใช่การออกแบบที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ประชาชนจริง เพราะคิดแค่ใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการเลย เรายืนยันทำหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มที่" นายรังสิมันต์ กล่าว