วันนี้ (5 ก.ค.) ที่รัฐสภา มีรายงานว่า ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.... ต่อเนื่องเป็น ครั้งที่ 7 ได้พิจารณาในวาระสองแล้วเสร็จ และได้ลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่
โดยมติเสียงข้างมาก 494 เสียงเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย 40 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง พร้อมกับเห็นชอบกับข้อสังเกตุของ กมธ. ก่อนที่จะส่ง ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ... ถือเป็นกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปประเทศฉบับแรกที่รัฐสภาเห็นชอบ โดยใช้การประชุมต่อเนื่องยาวนานที่สุด ถึง 7 ครั้ง
ขณะเดียวกันยังเป็นร่างกฎหมายที่ใช้เวลาพิจารณาในชั้นกรรมาธิการฯ นานถึง 1 ปี 5 เดือน นับตั้งแต่ที่รัฐสภา ลงมติรับหลักการ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 64
สำหรับ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ....ถือเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญ และมีปัญหารวมถึงใช้ระยะเวลาในการพิจารณานานที่สุด เนื่องจากประสบหลายปัญหา โดย มาตราหนึ่งที่ฝ่ายการเมืองมีการพูดถึงและถกเถียงอย่างมาก คือ มาตรา 14 เป็นมาตราที่เรียกว่า เป็นการปฏิรูปองค์กรตำรวจ โดยคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นหนึ่งในองค์กรตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญปี 60 และมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว
โดยเฉพาะประเด็น ประธาน ก.ตร. ที่มีการเรียกร้องให้เป็น ผบ.ตร. แทนที่นายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการกำหนดนโยบายอยู่แล้ว รวมถึงในฐานะอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน สามารถย้าย ผบ.ตร. ได้ตลอดเวลา การที่ให้นายกฯ หรือนักการเมืองหรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคล เข้ามาอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว นอกจากจะไม่เป็นการปฏิรูปแล้ว ก็จะมีสภาพเหมือนเช่นที่ผ่านมา และถ้าผู้นำตำรวจยังอยู่ใต้อาณัติของผู้มีอำนาจทางการเมือง หรือต้องพึ่งกับผู้มีอำนาจ ประชาชนจะเดือดร้อนทั้งประเทศ เพราะในเรื่องความยุติธรรมตำรวจถือว่าเป็นองค์กรที่สัมผัสประชาชนมากที่สุด