29 มิ.ย.65 ความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งพบศพชายสูงอายุนอนหงายเสียชีวิตในลักษณะขาพาดอยู่บนรถเข็นของ บริเวณริมถนนทางหลวงหมายเลข 24 สายโชคชัย-เดชอุดม ช่วงทางโค้งบ้านไพศาล ต.ไพศาล ฝั่งขาเข้าอำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ โดยมีรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำอยู่ใกล้กับศพด้วย เบื้องต้นคาดว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุถูกรถเฉี่ยวชนเสียชีวิต แต่จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน และที่น่าตกใจคือเมื่อแพทย์ตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิต พบบริเวณศรีษะคล้ายถูกของแข็งทุบตีเป็นแผลฉกรรจ์จนกะโหลกเปิด ทั้งมีแผลคล้ายถูกของมีคมเฉือนที่ใบหน้า และลำคอหลายแผล จึงเชื่อว่าน่าจะถูกทำร้ายร่างกายแล้วนำศพมาทิ้งอำพราง และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่บ้านผู้ตาย ก็ความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งรอยคราบเลือดตามพื้นดิน ถนนหน้าบ้านไปจนถึงจุดเกิดเหตุ ทั้งยังพบที่นอนของผู้ตายถูกเผาทิ้งเอาไว้อยู่หลังบ้านด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายชัชวาล โสเพียร อายุ 28 ปี ลูกชายคนที่ 5 ของผู้ตาย ไปสอบปากคำที่โรงพัก เนื่องจากนายชัชวาล อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวกับผู้ตายเพียง 2 คน ส่วนลูกอีก 5 คนแยกย้ายไปมีครอบครัวและอาศัยอยู่ที่อื่น
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ประโคนชัย ได้ลงพื้นที่หาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมและไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทาง ก็พบกล้องวงจรปิดบริเวณร้านค้าชุมชนแห่งหนึ่งห่างจากบ้านประมาณ 4 กม. สามารถบันทึกภาพขณะที่ผู้ต้องหานำศพของพ่อใส่รถเข็นเพื่อไปทิ้งอำพรางที่ข้างถนน ช่วงเวลาประมาณตี 2 แล้วขากลับก็เดินกลับมาบ้านทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของนายชัชวาล ผู้ต้องหา ที่ยอมรับรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเองจริง เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ด้วยการใช้มีดปลายแหลมแทงคอขณะพ่อนอนหลับแต่จำไม่ได้ว่าแทงไปกี่ครั้ง แล้วก็ใช้เท้ากระทืบซ้ำอีกหลายครั้งจนพ่อแน่นิ่งไป จากนั้นก็ลากศพพ่อใส่รถเข็นพ่วงท้ายรถจักรยานยนต์ขับไปทิ้งข้างทาง ให้เหมือนว่าพ่อประสบอุบัติเหตุแล้วก็เดินกลับมาบ้าน โดยผู้ต้องหาอ้างว่าสาเหตุที่ฆ่าพ่อตัวเอง เพราะรำคาญที่พ่อชอบดุด่าเรื่องที่ตนเองไม่ทำงาน และล่าสุดคืนเกิดเหตุพ่อก็ดื่มเหล้าเมาแล้วไล่ตัวเองออกจากบ้าน ทำให้รู้สึกโมโห พอตกกลางดึกตอนพ่อนอนหลับจึงลงมือฆ่าพ่อ เมื่อถามว่าอยากขอโทษพ่อหรือไม่ผู้ต้องหาบอกว่าไม่อยากขอโทษ เพราะโกรธพ่อ
ด้านนายวีรวัฒน์ โสเพียร อายุ 50 ปี พี่ชายผู้ก่อเหตุ บอกว่า ช่วงอายุประมาณ 22 ปี น้องชายติดทหารเกณฑ์ได้ไปประจำการที่ จ.ชลบุรี แต่อยู่ไม่ครบกำหนดเหลืออีก 6 เดือนน้องก็หนีทหารออกมาแล้วไม่กลับไปอีก จนถึงจำหน่ายออกก่อนจะปลดประจำการ จากนั้นก็กลับมาอยู่บ้านก็เริ่มมีอาการสมองไม่ปกติ เก็บตัว ไม่ค่อยพูดกับใคร และเคยจะทำร้ายญาติที่อยู่ใกล้บ้านด้วย ซึ่งตนไม่รู้ว่าน้องก่อเหตุฆ่าพ่อเพราะสาเหตุอะไร แต่ส่วนตัวไม่ขออโหสิกรรมให้น้องชาย เพราะลงมือฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าตัวเองอย่างโหดเหี้ยม ก็คงปล่อยให้รับโทษตามกฎหมาย
ขณะที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา “ฆ่าบุพการี และซ้อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพ”
ภาพ/ข่าว : สุรชัย พิรักษา สำนักข่าวเนชั่น จ.บุรีรัมย์