
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก ถึงเหตุผลทำไมธนาคารกลางนานาประเทศ ต้องประกาศทำสงครามกับเงินเฟ้อ แม้อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอ เกิด Recession ก็ตาม!!
เนื้อหาที่น่าสนใจ ระบุไว้ดังรายละเอียดต่อไปนี้
...
ช่วงนี้...เงินเฟ้อในประเทศต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น
อังกฤษ 9.1%
สหรัฐ 8.6%
เยอรมัน 7.9%
ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 กว่าปี
ทำให้ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ต้องออกมาประกาศสงครามกับเงินเฟ้อ
และบอกว่า ยังไงก็จะต้องเอาเงินเฟ้อกลับลงระดับปกติให้ได้
แม้จะหมายถึง เศรษฐกิจที่อาจชะลอลงและเกิด Recession ก็ตาม
หลายคนถามว่า ทำไมต้องสู้กันถึงขนาดนี้
วันนี้ ก็เลยขอนำข้อมูลมาฝากให้ดูว่า
เวลาที่ธนาคารกลาง "สอบตกในการควบคุมเงินเฟ้อ"
เงินเฟ้อที่ว่าสูงได้นั้น สูงได้แค่ไหน
ในตาราง จะเห็นรายชื่อ 12 ประเทศที่เผชิญปัญหาเงินเฟ้อสูงสุดขณะนี้
ตั้งแต่ประมาณ 30% ขึ้นไป
บางชื่อ คือ ประเทศที่เรารู้จักกันดี เช่น
เลบานอน 211%
เวเนซูเอล่า 167%
ตุรกี 73.5%
อาร์เจนตินา 60.7%
อิหร่าน 39.3%
ศรีลังกา 39.1%
เอธิโอเปีย 37.7%
สำหรับประเทศที่เงินเฟ้อสูงขนาดนี้ คนลำบากก็คือ ประชาชนที่ต้องรับภาระราคาสินค้าที่เพิ่มสูงตลอดเวลา ต่อให้เศรษฐกิจยังโต แต่เงินได้ของทุกคนก็จะถูกกัดกร่อนจากเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น เงินเดือนที่มี พอถึงปลายปี จะซื้อของได้ลดลง
กรณีเลบานอน จะซื้อของได้ไม่ถึงครึ่งของที่เคยซื้อได้ในช่วงต้นปี !!!
นี่คือ ฝันร้ายที่เหล่าธนาคารกลางไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Trading Economic ครับ
ก่อนหน้านี้ ...
อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจโลกว่า ความกลัวว่าจะเกิด Recession ก็มีข้อดีเช่นกัน
โดยระบุว่า ล่าสุด ราคาน้ำมันโลก WTI และ Brent ปรับลดมาที่ 100-110 ดอลลาร์/บาเรล วันนี้เพียงวันเดียว ลดลง 5% !!!ทำให้ราคาน้ำมันโลกถอยย้อนหลังกลับไปเท่ากับ เมื่อช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา
หากทุกคนยังจำได้ หลังประเทศจีนเริ่มเปิดเมืองอีกครั้ง หลายคนกังวลใจว่าจะต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น น้ำมันโลกจะไม่เพียงพอ ราคาจึงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนที่ราคากลับลดลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพราะมีนักวิเคราะห์จากหลายสำนักออกมาคาดการณ์สอดรับกันว่า เศรษฐกิจโลกมีโอกาสมากขึ้นที่จะต้องเผชิญกับภาวะ Recession ใน 1 ปีข้างหน้า
หากเกิดขึ้นจริง การผลิต การขนส่ง การใช้น้ำมันของทุกประเทศลดลง จะทำให้ Demand และ Supply ของตลาดน้ำมันโลกเข้าสู่ความสมดุลมากขึ้น
..
ด้วยความกลัวดังกล่าว ราคาน้ำมันโลกจึงลดลงมาอีกรอบ อันจะมีนัยยะไปถึงระดับเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ต่อไป
เพราะถ้าราคาน้ำมันโลกยืนอยู่ตรงนี้ (100-110) ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ในเดือนนี้และเดือนหน้า ก็น่าจะไม่พุ่งไปไกล และทำให้เฟดและธนาคารกลางประเทศต่างๆ หายใจสะดวกขึ้น
มารอดูกันต่อว่า จะเกิดอะไรต่อไป ความกลัว Recession หรือภาวะตลาดน้ำมันตึงตัวจากการ Sanctions จะชนะครับ
เพราะปีนี้ อะไรก็พลิกผันไปมาได้ สมกับที่เป็น Economic Turbulence 2022 ครับ
ขอขอบคุณที่มา : เฟซบุ๊ก Kobsak Pootrakool