2 มิถุนายน 2565 ตามที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (EOC) กรณี โรคฝีดาษลิง (monkeypox) ซึ่งที่ผ่านมายังไม่พบการติดเชื้อในประเทศไทย มีเพียงการเฝ้าระวังติดตามอาการกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 12 ราย ที่ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อฝีดาษวานรบนเครื่องบินที่รอต่อเครื่องในไทยไปออสเตรเลีย เป็นระยะเวลาการติดตาม 21 วัน
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค หรือ คร. กล่าวว่า สำหรับการติดตาม อาการผู้ใกล้ชิด 12 รายนั้น ขณะนี้ไม่มีอาการใดๆ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ จึงไม่น่ากังวล
อย่างไรก็ตาม โรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง เป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่ใช่โรคติดต่ออันตราย เรียกว่าความรุนแรงไม่ได้มาก หายเองได้ เพียงแต่ต้องเฝ้าระวัง เพราะหากเริ่มมีอาการและเข้าพบแพทย์ก็จะรักษาตามอาการให้หายได้
ข่าวเกี่ยวข้อง : ผวา!! สธ.ไทยติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด "ฝีดาษลิง” 12 ราย พบมาต่อเครื่องที่ไทย
นพ.จักรรัฐ กล่าวถึงกรณีความจำเป็นในการเตรียมจัดหาวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงให้กับบุคลากรทางการแพทย์หรือไม่ ว่า ต้องมีการศึกษาและพิจารณาว่าการใช้สอดคล้องกับการระบาดหรือไม่ ซึ่งหากมีการระบาดจำนวนมากจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันคนส่วนใหญ่ไม่ให้ป่วย แต่หากไม่มีเคสและมาฉีดวัคซีนก่อน ผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดวัคซีนอาจรุนแรงกว่าไม่ฉีด ซึ่งการประเมินสถานการณ์ทั่วโลกไม่ใช่หลักหมื่นหลักแสนราย จึงต้องประเมินสถานการณ์ก่อน
“ ขอให้มีการติดตามสถานการณ์ก่อน โดยหากจะฉีดวัคซีนต้องมีปริมาณมากเพียงพอ และต้องฉีดให้กับคนที่เกี่ยวข้องก่อน คือ กลุ่มที่ดูแลคนเดินทางมาจากต่างประเทศ หรือบุคลากรทางการแพทย์ แต่บุคลากรการแพทย์จะเป็นกลุ่มไหนก็ต้องพิจารณาอีก เพราะบุคลากรก็มีจำนวนมากเช่นกัน ส่วนจะสั่งซื้อหรือไม่ อย่างไรก็ต้องมีการพิจารณาวางแผน ทั้งหมดต้องติดตามข้อมูลก่อน ” นพ.จักรรัฐ กล่าว