บริษัทจีนกังวล Top Gun มีเนื้อหาขัดแย้งจีน ไม่กล้าร่วมลงทุน

ภาพยนตร์เรื่อง Top Gun: Maverick เข้าฉายเป็นสัปดาห์แรก เพียงสามวันก็กวาดรายได้ทั่วโลก ไปแล้ว 248 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างทั้งหมด 152 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง The Wall Street Journal รายงานว่า ในตอนแรก บริษัทเทนเซนต์จากประเทศจีน ได้เซ็นสัญญาจะร่วมออกเงินลงทุนสร้างหนังเรื่องนี้ด้วย เพราะมองเห็นแววเป็นหนังทำเงินถล่มทลายได้ไม่ยาก แต่อยู่ๆ เทนเซนต์ก็ค่อยๆ ถอนตัวออกจากการร่วมลงทุนไปแบบเงียบๆ เนื่องจากทางบริษัทมีความกังวลว่าหนังเรื่องนี้อาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของกองทัพสหรัฐฯ และอาจทำให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ของประเทศจีนไม่พอใจ

ยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ และจีน มีความขัดแย้งที่ตึงเครียดเพิ่มขึ้นหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงครามการค้า ข้อพิพาทเรื่องไต้หวัน และทะเลจีนใต้ รวมทั้งการที่รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวหาว่ารัฐบาลจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียง ยิ่งทำให้บริษัทจีนต้องระวังตัวเองมากขึ้นในการร่วมลงทุนกับสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลจีนกำลังเพ่งเล็งการดำเนินธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ว่าเป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลจีนวางเอาไว้หรือไม่

จนถึงขณะนี้ Top Gun: Maverick ก็ยังไม่มีกำหนดฉายในประเทศจีน โดยในแต่ละปี จีนอนุญาตให้มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้าฉายในจีนได้เพียง 34 เรื่องเท่านั้น และต้องผ่านการตรวจสอบที่เข้มงวดจากกองเซ็นเซอร์จีน ว่าไม่มีเนื้อหาหรือไม่มีฉากโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองที่ขัดแย้งกับรัฐบาลจีน โดยในตอนแรกค่ายพาราเมาท์เชื่อมั่นว่าหนังเรื่องนี้น่าจะเข้าฉายในจีนได้อย่างไม่มีปัญหา และน่าจะกวาดรายได้ในจีนได้อย่างสบายๆ อย่างน้อย 80 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าการเมืองระหว่างสองประเทศจะมีความร้อนแรง แต่การที่หนังไม่ได้เข้าฉายที่จีน ก็ทำให้หนังต้องสูญเสียรายได้ตรงนี้ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะถึงแม้ Top Gun จะเป็นหนังที่สร้างขึ้นมาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์กองทัพสหรัฐฯ แต่หนังก็พยายามอย่างมากที่จะไม่มีเรื่องราวที่ขัดแย้งกับประเทศไหน