ช่วงบ่ายวันนี้ นางภนิดา ศิรยุทธโยธิน เเม่ของเเตงโม เดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์ เพื่อบรรจุอัฐิของลูกสาว โดยอัฐิจะเเบ่งออกเป็น 3 ส่วน เอาไว้ที่คริสตจักรเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้คนที่คิดถึงได้เข้ามาเยี่ยมเเตงโม ขณะที่อัฐิอีก 2 ส่วน จะเก็บไว้กับตนเองส่วนหนึ่ง เเละให้เบิร์ดอีกส่วนหนึ่ง เพราะเจ้าตัวขอไว้ สำหรับเบิร์ดวันนี้ไม่ได้มาร่วมพิธี เเต่ได้นำดอกไม้มาวางให้เเตงโมตั้งเเต่เมื่อวาน
นางภนิดา เปิดเผยถึงกรณีโทรศัพท์มือถือของเเตงโมที่อยู่กับ “บังเเจ็ค” ว่า ได้ติดต่อกับ “บังเเจ็ค” เมื่อตอนตี 4 ที่ผ่านมา โดย “บังเเจ็ค” รับปากว่าจะส่งโทรศัพท์กลับมาให้ เเต่ไม่ได้ส่งมาให้เเม่ ส่วนจะส่งไปให้ใคร ขอเก็บเป็นความลับ เนื่องจากเป็นหลักฐานสำคัญทางคดี หากเก็บไว้ที่เเม่เกรงว่าจะสูญหาย พร้อมยืนยันว่าในโทรศัพท์แตงโม มีหลักฐานสำคัญทั้งรูปภาพเเละวีดีโอที่ถูกลบไป ซึ่ง “บังเเจ็ค” สามารถกู้คืนกลับมาได้ 100 % เเล้ว และตนเองได้เห็นหลักฐานบางอย่างจนมั่นใจว่าเเตงโมเสียชีวิตบนบก ไม่ใช่ในน้ำ เเละหลักฐานดังกล่าว เชื่อว่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะพลิกคดีจากอุบัติเหตุเป็นฆาตกรรม
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงเชื่อใจ “บังเเจ็ค” นางภนิดา เปิดเผยว่า ตอนเเรกก็ยังไม่เชื่อ จนมีนักข่าวคนหนึ่งเเนะนำให้ลองคุยดู เพราะบังเเจ็คมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย หลังจากนั้นได้พูดคุยมาระยะหนึ่ง โดยระหว่างการพูดคุย บังเเจ็คได้เสนอช่วยเหลือทางด้านการเงินกับเเม่ พร้อมเสนอที่ดินจำนวน 6 ไร่ ย่านสนามบินดอนเมืองให้ เนื่องจากเห็นใจแม่ เเต่เเม่ก็ได้ปฏิเสธไป ซึ่งจากการที่แม่ได้สัมผัส เชื่อว่าบังเเจ็คเป็นคนดี ยกให้เป็นนัมเบอร์วัน
ส่วนวีรกรรมต่าง ๆ ที่ผ่านมาของ “บังเเจ็ค” ตนเคยทราบมาบ้าง เเต่เกิดขึ้นมา 5 - 6 ปี เเล้ว จึงไม่อยากนำเรื่องในอดีตมารวมกับเรื่องนี้ ยืนยันว่า ตนเองตัดสินใจถูกต้องเเล้ว ที่ส่งโทรศัพท์มือถือไปให้กับ “บังเเจ็ค” โดยหลังจากนี้จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ ให้ความร่วมมือกับทีมงานของนายมงคลกิตต์เเละนายอัจฉริยะ ส่วนตัวมีความสบายใจขึ้น เพราะมีการทำงานเป็นทีม เชื่อว่ามาถูกทางเเล้ว อีกทั้งยังมีผู้นำทีมที่ดี มีความฉลาด อารมณ์ดี มีความเป็นผู้นำสูง ไม่พูดมาก ซึ่งเเม่ไม่เคยเจอคนเเบบนี้มาก่อน จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถช่วยเหลือทางคดีได้
ด้านนายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า "บังเเจ็ค" เป็นคนกล้ากู้ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือ ตนต้องปกป้องเพราะถือว่า "บังเเจ็ค" เป็นผู้ตรวจสอบวัตถุพยาน เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล้ากู้ข้อมูลให้เเม่ เเม่จึงมั่นใจส่งมือถือให้บังเเจ็ค อีกทั้งจะให้ความคุ้มครอง "บังเเจ็ค" ในฐานะเป็นพยานในชั้นศาล หาก "บังเเจ็ค" เดินทางกลับมาไทยก็จะดูเเลรวมถึงประกันตัวในคดีที่ "บังเเจ็ค" เเจ้งความดำเนินคดี จนกว่าจะพ้นการเป็นพยานในชั้นศาลของคดีเเตงโม
ทั้งนี้ก่อนหน้าช่วงที่ตนลงพื้นที่สืบหาพยานหลักฐาน มีคนสนิทของหนึ่งในเเก๊งเรือสปีดโบ๊ท ติดต่อตนมา โดยบอกว่าจะนำเงินมาวางไว้ให้ที่หน้าบ้านจำนวน 15 ล้านบาท ตนมองว่าน้อยเกินไป มีไม่ถึง 5 พันล้านบาท ไม่ต้องมาคุยกัน