28 พฤษภาคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ “หมอธีระ” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” ยืนยันความน่ากลัวของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังงานวิจัยพบสายพันธุ์ย่อยได้สร้างความรุนแรงกับร่างกายมากขึ้น มีรายละเอียดดังนี้...
28 พฤษภาคม 2565 เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 501,376 คน ตายเพิ่ม 1,170 คน รวมแล้วติดไป 530,739,037 คน เสียชีวิตรวม 6,309,157 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีเหนือ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา บราซิล และออสเตรเลีย
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 65.45 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 57.09 การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 51.86 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 22.73
สถานการณ์ระบาดของไทย
จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 5 ของเอเชีย
ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 15 ของโลก ถึงแม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นมาจนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปก็ตาม
ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานคิดเป็น 10.9% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
อัพเดต Omicron
ความรู้จากงานวิจัยจนถึงปัจจุบัน Whitaker M และทีมงานจาก Imperial College London ทำให้เราทราบว่า Omicron นั้นไม่ได้กระจอกอย่างที่คิด เพราะสายพันธุ์ย่อยของ Omicron ที่ครองการระบาดทั่วโลกขณะนี้คือ BA.2 นั้นเมื่อติดเชื้อจะทำให้ป่วย มีอาการต่างๆ (26 อาการที่ทำการศึกษา) ได้มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมของ Omicron อย่าง BA.1 และมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ล่าสุด Wang Q และทีมงานจาก Columbia University สหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษา Omicron สายพันธุ์ย่อยที่ระบาดในอเมริกาคือ BA.2.12.1 และสายพันธุ์ที่ระบาดในแอฟริกาคือ BA.4 และ BA.5 โดยพบอีกว่า BA.4 และ BA.5 นั้นจะหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้มากกว่า BA.2.12.1
ในขณะที่ Kimura I และทีมงานจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้ทำการศึกษาพบว่า ทั้ง BA.2.12.1, BA.4, และ BA.5 สามารถแบ่งตัวในเซลล์ปอดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ BA.2 และที่สำคัญคือ BA.4 กับ BA.5 นั้นจะก่อให้เกิดพยาธิสภาพในสัตว์ทดลองได้มากกว่า BA.2 อีกด้วย
งานวิจัยจากทั่วโลก ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ แม้จะได้รับวัคซีนไปแล้วกี่เข็ม หรือเคยติดเชื้อโรคโควิด-19 มาก่อนหน้านี้ก็ตาม
วัคซีนที่มีประสิทธิภาพนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิต แต่ไม่ได้การันตี 100% และต้องทราบว่าหากไม่ป้องกันตัว ก็จะติดเชื้อได้ ป่วยได้ ตายได้ และการติดเชื้อแต่ละครั้งย่อมเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Long COVID ที่จะบั่นทอนคุณภาพชีวิต สมรรถนะการดำรงชีวิตและการทำงาน รวมถึงเป็นภาระค่าใช้จ่ายทั้งต่อตัวผู้ป่วย ครอบครัว และสังคมในระยะยาวได้
US CDC ชี้ชัดว่า การติดเชื้อโรคโควิด-19 ในวัยผู้ใหญ่ตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปนั้น จะมีโอกาสเกิดปัญหา Long COVID ราว 20% (1 ใน 5) และหากสูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นเป็น 25% (1 ใน 4) ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
การระบาดของไทยในปัจจุบัน หากเราใช้สติ และปัญญาในการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์รอบตัวเราในชีวิตจริง รวมถึงเรื่องรายงานจำนวนการติดเชื้อ (ทั้ง RT-PCR และ ATK) จำนวนการเสียชีวิต (ที่ยังติดอันดับโลกแม้จะรายงานเฉพาะ Death from COVID ก็ตาม) โดยเปรียบเทียบกับสถานการณ์ทั่วโลก
คงพอจะตัดสินใจกันได้ว่า "การใส่หน้ากากนั้นเป็นเรื่องจำเป็น" หากใส่ใจสุขภาพ สวัสดิภาพ และความปลอดภัยของตนเอง ครอบครัว และคนรอบข้างครับ
อ้างอิง :
1. Wang Q et al. SARS-CoV-2 Omicron BA.2.12.1, BA.4, and BA.5 subvariants evolved to extend antibody evasion. medRxiv. 26 May 2022.
2. Whitaker M et al. Variant-specific symptoms of COVID-19 among 1,542,510 people in England. medRxiv. 23 May 2022.
3. Kimura I et al. Virological characteristics of the novel SARS-CoV-2 Omicron variants including BA.2.12.1, BA.4 and BA.5. 26 May 2022.