svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ตรวจเข้มสกัดฝีดาษลิงเข้าประเทศ พบผู้เข้าข่ายสงสัย สุดท้ายแค่"เชื้อเริม"

27 พฤษภาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"อนุทิน" เผยไทยตรวจเข้มคนเดินทางเข้าประเทศป้องกัน "ฝีดาษลิง" ระบุพบผู้เข้าข่ายสงสัย แต่เมื่อตรวจเชื้อพบว่าเป็นแค่เชื้อเริม ล่าสุดตรวจสอบพบมีการสัมผัสใกล้ชิดจำนวนหนึ่ง ขอให้มาแสดงตนเพื่อพบแพทย์ เพราะยังมีโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดได้ เช่น เริม อีสุกอีใส

27 พฤษภาคม 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง(Monkeypox) ในประเทศไทย ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.) ตนได้เดินทางกลับมาจากการประชุมร่วมกับองค์การอนามัยโลก(WHO) เมื่อเข้ามาถึงด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ นพ.โรม บัวทอง นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกองระบาดวิทยาและกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค ก็ได้พาเดินดูมาตรการเฝ้าระวังที่สนามบิน 

 

ทั้งนี้ ย้ำว่าผู้ที่เดินทางเข้าไทยยังต้องกรอกข้อมูล Thailand pass อยู่  ซึ่งหากผู้ที่สงสัยป่วยเป็นโรคฝีดาษลิง ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็มี DNA Code เพื่อตรวจหาเชื้อจากสารคัดหลั่งได้

 

“เมื่อมีผู้ที่เข้าข่ายสงสัย ก็จะเชิญมารับการตรวจที่สถาบันบำราศนราดูร เก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจ ซึ่งพบว่าเป็นการติดเชื้ออื่น คือ เชื้อเริม อย่างไรก็ตามก็จะต้องมีการระวังเรื่องการสัมผัสกับผู้อื่น ฉะนั้น การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่างก็จะช่วยให้ห่างไกลความเสี่ยงติดเชื้อฝีดาษลิงได้” นายอนุทินกล่าว

 

ตรวจเข้มสกัดฝีดาษลิงเข้าประเทศ พบผู้เข้าข่ายสงสัย สุดท้ายแค่"เชื้อเริม"

นายอนุทิน กล่าวถึงมาตรการตรวจเชื้อผู้ที่สงสัย ว่า ตรวจตามที่เราได้รับแจ้งว่ามีผู้สงสัยว่าจะป่วย พร้อมดูว่ามีการสัมผัส (Contract) ใครต่อ แต่เท่าที่ทราบข้อมูลก็พบว่ามีการสัมผัสใกล้ชิดอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเราก็ขอให้มาแสดงตนเพื่อพบแพทย์ เพราะยังมีโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดได้ เช่น เริม อีสุกอีใส

 

ส่วนการกักตัวผู้ที่สงสัยว่าจะป่วยเป็นโรคฝีดาษลิงนั้น นายอนุทินกล่าวว่า หากเข้าข่ายก็จะมีกฎหมายควบคุมโรคติดเชื้อที่อนุญาตให้กักตัวได้ อย่างน้อยก็ในช่วงที่รอการตรวจหาเชื้อ

 

การตรวจคัดกรองฝีดาษลิงที่สนามบินสุวรรณภูมิ

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อ หรือที่ได้รับการกักตัวมาจากประเทศทางตะวันตก แอฟริกา เราได้เฝ้าระวังทั้งหมด กรมควบคุมโรคได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน(EOC) กรณีโรคฝีดาษลิงขึ้นมาแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง

 

เมื่อถามถึงการหารือกับองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เรื่องวัคซีนฝีดาษลิง นายอนุทินกล่าวว่า ทาง WHO ระบุว่าหากมีความจำเป็นก็จะให้การสนับสนุนตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตามได้นำวัคซีนที่เกี่ยวข้องกับโรคฝีดาษ โรคไข้ทรพิษที่มีการแช่แข็งไว้เก็บรักษาโดยองค์การเภสัชกรรม ส่งไปยังกรมวิทย์ เพื่อตรวจสอบว่าการเพาะเชื้อต่อโรคเป็นอย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์ ใช้องค์ความรู้นำมาทำเป็นยารักษาโรค ซึ่งหากเป็นโรคติดต่อร้ายแรงก็สามารถประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินเพื่อดูแลสถานการณ์ต่างๆ ได้ ทั้งนี้ การตระหนักรู้และป้องกันตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญและดีที่สุด

 

“เราแช่แข็งไว้อยู่แต่เก็บมากว่า 40 ปีก็ต้องนำมาตรวจดูว่าเชื้อยังใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ แม้กระทั่งองค์การอนามัยโลก ก็ยังไม่ได้บอกว่าวัคซีนนี้ตรงกับสายพันธุ์ของโรคฝีดาษลิงในปัจจุบัน เราจึงต้องพึ่งพาตัวเองในทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ได้อยู่เฉย” นายอนุทินกล่าว

 

ตรวจเข้มสกัดฝีดาษลิงเข้าประเทศ พบผู้เข้าข่ายสงสัย สุดท้ายแค่"เชื้อเริม"

logoline