อนามัยโลกชี้ฝีดาษลิงเพิ่มความท้าทายซ้ำเติมโลก

นพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือ WHO กล่าวในการเปิดสมัยประชุมประจำปีเมื่อวันอาทิตย์ว่า การระบาดของโควิด-19 จะไม่มีวันสิ้นสุดได้ในที่ใดทีเดียวจนกว่าทุกที่จะไม่มีการระบาด ขณะที่ปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มสูงขึ้นในเกือบ 70 ประเทศทั่วทุกภูมิภาค แต่อัตราการตรวจหาเชื้อตกลงอย่างมาก และการฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั่วโลกก็ยังไม่บรรลุเป้าหมาย ยิ่งกว่านั้นทั่วโลกยังมีความท้าทายอื่น ๆ อีก เช่น การระบาดของโรคอีโบลาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โรคฝีดาษลิง ไวรัสตับอักเสบที่ยังไม่ทราบสาเหตุ  และวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน ซีเรีย และยูเครน โดยทั่วโลกเผชิญทั้งโรคระบาด ภัยแล้ง ความอดอยาก และสงคราม อันเกิดจากสภาพอากาศ ความไม่เท่าเทียม และการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์

ขณะเดียวกัน  WHO รายงานว่า จนถึงวันที่ 21 พ.ค. มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิง 92 คน และผู้ป่วยต้องสงสัย 28 คนใน 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย เบลเยียม แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน อังกฤษ และสหรัฐฯ นอกจากนี้ออสเตรีย อิสราเอล และสวิตเซอร์แลนด์ แจ้งยืนยันพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงแล้วเช่นกัน แต่ นพ. อาชิช จาก ผู้ประสานงานด้านโควิด-19 ของทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ให้ความมั่นใจว่า เชื้อไวรัสโรคฝีดาษลิงเป็นเชื้อที่รู้จักคุ้นเคย และไม่ได้แพร่ระบาดได้รวดเร็วเหมือนโควิด-19 เลยมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อและรักษาผู้ติดเชื้อได้  

อย่างไรก็ตามเดวิด เฮย์มานน์ ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อของ WHO บอกว่าสิ่งที่น่าจับตาขณะนี้คือการระบาดในขณะนี้มีการติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการระบาด และสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่า เชื้อแพร่กระจายโดยไม่แสดงอาการหรือไม่ ใครคือกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมากที่สุด และเชื้อแพร่กระจายผ่านช่องทางใดได้บ้าง แม้ขณะนี้ไม่ได้มีวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ แต่บางประเทศเปิดเผยว่ากำลังเตรียมสำรองวัคซีนโรคไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ที่มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้เกือบ 85% เนื่องจากเชื้อไวรัสของสองโรคนี้มีความคล้ายคลึงกันมาก