ความคืบหน้ากรณีที่วันนี้ (18 พ.ค.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหลักฐานการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของดาราสาว "แตงโม นิดา" ให้แก่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยมั่นใจว่า คดีของดาราสาวเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง และมีเรือสปีดโบ๊ท 2 ลำช่วงเกิดเหตุ (อ่านข่าว)
ล่าสุด หลังการเข้าให้ปากคำกับคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอนานกว่า 4 ชม. นายอัจฉริยะ ได้เปิดเผยว่า ขั้นตอนการทำงานของดีเอสไอในเรื่องนี้นั้น ตนเป็นพยานปากที่ 1 ในการเข้าให้ปากคำ จากนั้นวันที่ 24 พ.ค. นี้ จะมีการสอบพยานผู้เชี่ยวชาญด้านแสงเงา GPS โปรแกรมเมอร์ และเจ้าหน้าที่นิติเวช ซึ่งต้องใช้เวลาในการสอบปากคำและรวบรวมหลักฐานทั้งหมด
เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกับตัวแทนของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ การตัดสินใจอยู่ที่ตัวอธิบดีเอง บางคนมองว่า การยื่นเรื่องต่อดีเอสไอในครั้งนี้เป็นการฟ้องซ้ำซ้อนหรือไม่ เพราะเราเน้นไปที่คดีฆาตกรรมไม่ใช่อุบัติเหตุตามที่ตำรวจได้สรุปสำนวนไป
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการสอบสวนของดีเอสไอต่างจากคดีทั่วไป หลังจากที่สอบปากคำเป็นที่เรียบร้อย ส่งสำนวนไปต่อที่คณะอนุกรรมการพิเศษ ถึงจะมีการส่งเรื่องไปยังอธิบดีดีเอสไอ จากนั้นจะต้องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย เป็นหัวหน้าคณะ หากมีความเห็นให้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ ต้องออกประกาศราชกิจจานุเบกษาในวันรุ่งขึ้น ดังนั้น ขั้นตอนการทำงานของดีเอสไอจะต้องใช้เวลา 2 - 3 เดือน ไม่ใช่จะรับเลย ถึงแม้จะผ่านคณะกรรมการเบื้องต้น แต่ยังต้องผ่านคณะกรรมการพิเศษอีกครั้ง
ตนมองไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นขั้นตอนของดีเอสไอ เราก้าวล่วงการทำงานไม่ได้ ถ้าเขาไม่เสนอก็ทำไรไม่ได้ แต่เราก็มีแผนสำรองที่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป แต่วันนี้หลักฐานที่มามอบให้ดีเอสไอ สามารถนำไปมอบให้กับอัยการจังหวัดนนทบุรีก็ได้ เพราะตนเชื่อว่าตำรวจจะไม่สั่งฟ้อง "แซน- วิศาพัช มโนมัยรัตน์" และให้อัยการสั่งสอบเพิ่ม ซึ่งครั้งนี้ก็ต้องมาวัดกันอีกครั้งหนึ่งว่า อัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง และการให้ปากคำกับดีเอสไอแล้ววันนี้เราไม่รู้ว่าจะสั่งฟ้อง แซน ด้วยหรือไม่ ยืนยันว่าทำให้หมดแล้วรวบรวมพยานหลักฐานและทำเต็มที่ทำจนสุดความสามารถตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า อาทิตย์หน้าจะมีการฌาปนกิจร่างของ "แตงโม นิดา" จะมีผลต่อรูปคดีหรือไม่ นายอัจฉริยะ ระบุว่า ไม่มีผลต่อรูปคดี เพราะมั่นใจในผลการพิสูจน์ร่างของแตงโมทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งสองรอบ ต่างคนต่างทำหน้าที่ เราก็ทำหน้าที่ของเรา และคดีนี้มีผู้เชี่ยวชาญหลายด้านของประเทศเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เราทำจนสุดทางแล้ว ตามอำนาจที่เรามี เพราะเราไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง แต่ถ้าหากเป็นลูกสาวของตน จะฟ้องศาลด้วยตัวเอง และคดีนี้ตนเป็นเพียงผู้กล่าวโทษในคดีอาญาแผ่นดินเท่านั้น
นายอัจฉริยะ ยืนยันว่า ไม่กังวลหากมีเหตุอันตรายกับตนเอง เพราะมีคนดู อีกทั้งยังผ่านสนามรบมา 10 ปี ถ้าเรามัวแต่ระแวงก็ไม่ต้องทำงานให้ประชาชน และเชื่อมั่นว่าคนไทยจะไม่ทิ้งลูกผมถ้าหากผมเป็นอะไรขึ้นมา