วันนี้ (17 พ.ค.) ที่ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าให้ปากคำ พร้อมมอบหลักฐานเกี่ยวกับคดีการตายอย่างมีเงื่อนงำของ “แตงโม นิดา” นักแสดงสาวชื่อดัง และให้การเพิ่มเติมคดีที่แจ้งความเอาผิด “แซน” นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หนึ่งในผู้ต้องหา ฐานให้การเท็จ
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า คดีที่แจ้งความกล่าวโทษ “แซน” ได้แจ้งต่อกองบังคับการปราบปราม และสำนวนถูกโอนมาที่ บช.ภ.1 จึงเดินทางมาให้การตามนัด ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังอะไรในชั้นตำรวจ เพราะไม่เชื่อมั่น แต่มาทำตามขั้นตอนให้สมบูรณ์ เพื่อคานอำนาจในส่วนของคดีหลัก
“ผมจะไม่ให้หลักฐานกับตำรวจทั้งหมด จะแค่ให้ปากคำ และยื่นหลักฐานเป็นเพียงซีดี 1 แผ่น ที่ระบุให้เห็นว่า แซนให้การเท็จจริงเท่านั้น คือคลิปที่ ผบ.ตร.ยืนยันว่าคลิปที่เห็นเงา ไม่ใช่คลิปตอนตกเรือ”
ส่วนหลักฐานอื่นๆ จะไม่ยื่นในชั้นตำรวจแล้ว เพราะไม่หวังกับตำรวจภาค 1 เชื่อว่ายื่นไป ก็จะอ้างว่าส่งสำนวนคดีหลักให้อัยการ ไม่สามารถกลับคำให้การได้ เสมือนมีธงตั้งไว้อยู่แล้ว หากเปิดไพ่โชว์หลักฐานทั้งหมดไป อีกฝ่ายจะรู้ทัน โดยจะเปลี่ยนแผนเก็บหลักฐานไว้ นำไปยื่นขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการแทน หากอัยการสั่งไม่ฟ้อง “แซน” ในคดีให้การเท็จ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จะนำหลักฐานทั้งหมดที่มีไปยื่นต่อ “ดีเอสไอ” และให้ปากคำ ในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ค.) โดยหลักฐานจะมีความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ และพยานประกอบถึง 12 ปาก เช่น พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ , ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ จากโรงเรียนนายเรือ , นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พิสูจน์แล้วว่า บาดแผลที่ต้นขาขวาใกล้เคียงกับใบมีด , และนายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เรื่องทรายในกำมือ
“ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดว่า คนบนเรือไปจอดที่ท่าจอดเรือทราย และมีการถอดรองเท้าเคาะทราย ซึ่งภาพวงจรปิดเป็นมุมเดิม แต่ตัวเองนำไปเข้าโปรแกรมที่ซื้อจากอเมริกา ทำให้เห็นอย่างชัดเจน และยังมีคลิปที่พยานในคืนเกิดเหตุถ่ายเอาไว้ได้ด้วย ยังมีประเด็นเรื่องสารในร่างกายแตงโม ที่พบสารชนิดเดียวกันกับคนบนเรือ ที่เป็นยานอนหลับ ซึ่งต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เป็นยาที่หมอสั่งจ่าย หรือถูกมอม และยาดังกล่าวได้มาอย่างไร ใครเป็นคนจ่ายยาให้”
โดยการยื่น “ดีเอสไอ” จะเป็นการเปิดสำนวนคดีใหม่ ให้เป็นคดีพิเศษ หวังว่าจะผ่านชั้นคณะอนุกรรมการรับเป็นคดีพิเศษได้ และขอยืนยันว่า ตนเองมีอำนาจตามกฎหมาย ในฐานะประชาชนเป็นผู้เสียหาย ไปร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน