เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
15 พ.ค. 65 ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานคณะกรรมการมูลนิธิสัมมาอาชีพ ได้กล่าวปาถกฐาพิเศษ ในหัวข้อ "สัมมาชีพกับประเทศไทย หัวใจในการขับเคลื่อนประเทศ" ที่โรงแรมรามา การ์เด้นส์
"ดร.สมคิด" กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาแสดงวิสัยทัศน์ จะมาบอกเล่าด้วยความบริสุทธิ์ใจ 2 ปีที่ห่างไป มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คิดว่าพวกเราทุกคนควรตระหนักว่าจะช่วยกันอย่างไรในอนาคตข้างหน้า มีความห่วงใย โลกที่เรากำลังเผชิญมีความเสี่ยงและไม่มีความแน่นอนมากยิ่งขึ้น จนจิตนาการอนาคตยากมาก เพื่อไม่ประมาททุกคนจึงต้องเตรียมตัวโดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเมือง สงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นแค่หมากแรกในเกมการเมือง
"ชาติที่จะรอดคือต้องยืนด้วยขาของตัวเอง แหล่งพลังงานที่สำคัญราคาถูกเราหาเพิ่มได้หรือไม่ ทุกคนต้องเตรียมตัวกับสถานการณ์ที่อาจจะแย่ลง ต้องเร่งขจัดอุปสรรค การกระจายอำนาจบริหารและการคลังของประเทศ ต้องกล้ากระจายกันออกไป อย่าให้มีการกระจุก การบริหารจัดการการท่องเที่ยวต้องมีการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจภายใน และสำคัญที่สุดคือต้องเปลี่ยนทัศนคติ" ดร.สมคิด กล่าว
"ดร.สมคิด" กล่าวต่อไปว่า อาวุธสำคัญที่สุดของประเทศคือกระทรวงมหาดไทย รู้ว่าแต่ละครัวเรือนมีปัญหาอะไร และอีกหนึ่งเรื่องที่ห่วงใยคือ การแข่งขันระหว่างประเทศเริ่มอ่อนแรงลง และที่เห็นได้ชัดคือ การเป็นประเทศที่มีนัยะสำคัญในเวทีการเมืองโลก
"ดร.สมคิด" ผู้ได้รับคัดเลือกจากพรรคสร้างอนาคตไทยให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับแรก กล่าวว่า เราเคยสามารถสร้างตนเองเป็นศูนย์กลางของอาเซียน จีนคืออำนาจใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น และข้อห่วงใยอีกหนึ่งประการที่สำคัญมาก เมืองไทยกำลังประสบกับข้อมูลที่ผิลพลาดไม่ได้ไตร่ตรอง ทำให้เกิดความขัดแย้ง รวมไปถึงการให้ข้อมูลบิดเบือนให้ร้าย
"ดร.สมคิด" กล่าวเพิ่มเติมว่า หากผู้นำพรรคการเมืองยังเป็นลักษณะการต่อรองอำนาจ จะเลือกตั้งอีกกี่ครั้งก็ยังช่วยไม่ได้ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือภาคประชาชน หากเข้มแข็งและรู้หน้าที่ ประเทศไทยจะแข็งแรงมาก การเมืองดีอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ ต้องยกระดับพลเมืองที่ดี
ทั้งนี้ "ดร.สมคิด" ได้แสดงความห่วงใย 6 ข้อ ด้วยกัน ข้อแรก มองว่าโลกเรากำลังเผชิญ มีความเสี่ยงสูงขึ้นและไม่แน่นอนขึ้นเรื่อยๆ จนจินตนาการถึงอนาคตได้ยากมาก เพื่อความไม่ประมาทเราต้องเตรียมรับมือ
2.ประเทศของเราเองนั้น คิดว่าสิ่งที่เราเผชิญในตอนนี้เป็นสถานการณ์ไม่ปกติ และคุณควบคุมไม่ได้ ดังนั้นการบริหารจัดการต้องเข้ม คนต้องใส่ใจ จะเห็นได้จากเมื่อมีโควิด-19 รัฐบาลต้องมีการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ก็เห็นได้ว่ารัฐบาลมองไม่ออกถึงการจัดการ เชื่อว่าชาติที่จะอยู่รอดกับสถานการณ์นี้คือชาติที่จะต้องคิดยืนด้วยขาของตัวเอง
3.สิ่งที่เคยค้ำจุนเราเกิดจากภายนอกและเริ่มอ่อนแรงลงเราจึงต้องปรับโหมดเปลี่ยนแปลงตัวเองสร้างความเข้มแข็งภายในให้ตัวเอง ซึ่งการสร้างความเข้มแข็งภายในคือการกระจายอำนาจการบริหารและการคลังต้องเน้นภายในไม่ใช่ภายนอก เช่น ถ้าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวจะต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยว อีกทั้งต้องเปลี่ยนทัศนคติและการบริหารจัดการ
4.ความสามารถในการแข่งขันที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งของเรา เช่นอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เริ่มมีหลายประเทศมีการแข่งขัน
5.การเป็นประเทศที่มีนัยยะสำคัญในเวทีการเมืองโลก เมื่อเราพูดถึงอาเซียน เชื่อว่าเราเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่พูดถึงไม่ได้ แต่เรื่องการเมืองเราไม่มีเลย
6. เมืองไทยกำลังประสบภาวะพลังแห่งชาติสลาย ซึ่งจะนำไปสู่เรื่องความแตกแยกความคิดทางการเมือง การเป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง แม้มีมานานวัน แต่ไม่ได้สลายไป ยังมีเชื้อที่พร้อมปะทุเสมอ เพราะมันมีการให้ข้อมูลที่ให้ร้ายเกิดความบั่นทอน