“ฟอร์ด” พุ่งลงคลองเรียบสรงประภา คนสวนดึง 2 ชีวิตพ้นน้ำ
อุบัติเหตุ รถฟอร์ด ตกคลองเรียบถนนสรงประภา เขตดอนเมือง แต่โชคดี คนสวน ทำงานอยู่ในที่เกิดเหตุ ตั้งสติได้เร็ว เข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ก่อนประสานยกรถกู้ซากขึ้นจากคลอง เบื้องต้น เครื่องยนต์เกิดอาการกระตุก พุ่งทะยานชนราวรั้วเหล็ก ก่อนพลัดตกคลอง
วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 เวลา 12.00 น. ร.ต.อ.ทศพร ดุดง รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ดอนเมือง รับแจ้งเหตุรถยนต์ตกคูน้ำข้างทางมีผู้ติดในรถ บริเวณทางเข้าหมู่บ้านศรีกาณน์ ถนนสรงประภา แขวงและเขตดอนเมือง กทม. หลังรับแจ้งได้เดินทางตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย เหนือ 43-00 ดอนเมือง
ที่เกิดเหตุเป็นคูน้ำริมถนนสรงประภา หน้าหมู่บ้านศรีกาญน์ พบรถยนต์ ฟอร์ด สีส้ม ทะเบียนกรุงเทพฯ จมอยู่ในคลองเรียบถนนสรงประภา ที่มีความลึกประมาณ 3 เมตร มองเห็นระดับน้ำเกือบจมมิดหลังคา ใกล้เคียงจากจุดที่พบรถ ห่างออก พบรั้วเหล็กได้รับความเสียหาย หลุดไปทั้งแทบระยะทางกว่า 4 เมตร พร้อมรอยครูดตามพื้นผิวทางเท้า เจ้าหน้าที่ เร่งประสานรถยกขนาดใหญ่ เพื่อกู้ซากรถยนต์ขึ้นมาจากคลอง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
คุณ สุ ดอนเมือง อายุ 49 ปี เจ้าหน้าที่ดูแลสวน บริษัทอาทิตย์จันทร์ ซึ่งกระโดดลงไปช่วยเหลือ คนภายในรถ ทั้ง คนขับและผู้โดยสาร เล่าว่า ขณะตนเก็บกวาดใบไม้ จู่ๆ ก็ได้ยินรถชนเสียงดังสนั่นโครมคราม เมื่อหันไปดู ก็เห็นภาพรถยนต์ที่แล่นมาด้วยความเร็ว พุ่งชนรั้วแล้วพลัดตกลงไปในคลอง ตนจึงรีบวิ่งไปดูเหตุการณ์ แล้วตัดสินใจกระโดดลงไปยืนบนหลังคารถ รีบดึงคนขับรถขึ้นมาก่อน จากนั้น ตนได้ตะโกนให้คนมาช่วยก่อนจะโดดลงไปอีกครั้งเพื่อช่วยผู้โดยสารขึ้นมา
ตอนนั้นที่ตนตัดสินใจโดดลงไปช่วยไม่ได้คิดอะไรคิดแต่ว่าตอนนั้นเราเห็นคนเดียวถ้าไม่ลงไปช่วยจนทำให้มีเหตุร้าย ก็จะเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต เมื่อช่วยมาได้แล้วก็ดีใจ
ขณะที่ ผู้ที่โดยสารมากับรถคันนี้ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนและคนขับ กำลังจะขับรถออกจากที่จอดรถหน้าร้านโยคะ ใกล้จุดเกิดเหตุ และระหว่างที่กำลังจะกลับรถ รู้สึกเหมือนรถกระตุก 2-3 ครั้ง ก่อนรถจะพุ่งชนรั้วแล้วหน้ารถทิ้งลงน้ำ ตอนนั้นตนตกใจมาก แต่ด้วยคนขับมีสติ ได้กดกระจกหน้ารถลงก่อนที่รถจะจมน้ำ จากนั้นได้มีผู้หญิงซึ่งมาทราบในภายหลังว่าเป็นคนสาน กระโดดลงมาช่วยให้ตนและคนขับขึ้นมาจากน้ำ ตนต้องขอขอบคุณคนสวน กับการช่วยเหลือในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
