นักวิจัยชี้จีนเสี่ยงตาย 1.6 ล้านคน ถ้าเลิกโควิดเป็นศูนย์

ผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฟูตันในนครเซี่ยงไฮ้ ที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ เมดิซิน สรุปว่าหากรัฐบาลไม่ดำเนินนโยบายตรวจคัดกรองเชิงรุกในวงกว้างและใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอนอาจทำให้จีนมีผู้ติดเชื้อแบบมีอาการมากถึง 112.2 ล้านคน โดย 5.1 ล้านคน ต้องเข้าโรงพยาบาล และอีก 1.6 ล้านคนเสียชีวิต การระบาดครั้งใหญ่จะอยู่ในช่วงระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ค.

งานวิจัยนี้สอดคล้องกับการประเมินของมหาวิทยาลัยปักกิ่งก่อนหน้านี้ และเผยแพร่ในช่วงเวลาที่ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก วิจารณ์ว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์เป็นแนวทางควบคุมการระบาดที่ไม่ยั่งยืน นักวิจัยระบุด้วยว่าการยกเลิกมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด อาจทำให้จำนวนผู้ป่วยโควิดขั้นวิกฤตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก และความต้องการเตียงห้องไอซียูจะเพิ่มสูงเกือบ 16 เท่า ของจำนวนเตียงที่ทั่วประเทศสามารถรองรับได้ นอกจากนี้ผู้เสียชีวิตราว 3 ใน 4 จาก 1.6 ล้านคน จะเป็นกลุ่มผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และยังไม่ฉีดวัคซีน และเซี่ยงไฮ้จะมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในจีน 

ขณะที่มีรายงานว่าภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดที่บังคับใช้ในนครเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเหลือเพียง 1,487 คนเมื่อวันอังคาร เมื่อเทียบกับช่วงการระบาดสูงสุดช่วงกลางเดือน เม.ย. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันเดียวสูงเกิน 27,000 คน ล่าสุดคณะกรรมการสาธารณสุขเซี่ยงไฮ้แถลงวันพุธว่า 8 เขตในเซี่ยงไฮ้ ควบคุมการระบาดได้ถึงขั้นโควิดเป็นศูนย์ ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในชุมชน โดยมีเกณฑ์ว่าสัดส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต้องต่ำกว่า 1 คนต่อประชากร 1 แสนคน ในเขตหนึ่งติดต่อกันนาน 3 วัน จึงจะถือว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่มีการระบาดภายในชุมชน