นายกฯไฟเขียวขยายเวลา 'ลด' ภาษีสรรพสามิตดีเซล

นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ระบุ มาตรการการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตรจะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 พฤษภมคมนี้ ซึ่งครม.อยู่ระหว่างพิจารณาต่อเวลามาตรการและจะพยายามทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกอย่างมีกำหนดการอยู่แล้ว ซึ่งการกำหนดมาตรการต่างๆจำเป็นต้องดูสถานการณ์ 2-3 เดือนแและพิจารณาสถานการณ์พลังงานของโลกด้วย

นายกฯ ย้ำว่า  จำเป็นต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงปัจจัยหลายส่วน การที่จะให้มีมาตรการยาวออกไปหรือลดทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องยากเพราะมีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น เนื่องจากอยู่ในห่วงโซ่เดียวกันทั้งหมด ซึ่งมีความเป็นห่วงทั้งในเรื่องของราคาน้ำมันพืช อาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี และยอมรับว่าห่วงไปทุกเรื่องเพราะไม่ใช่สถานการณ์ปกติ

“ก็จะลดต่อ แต่ก็ต้องดูระยะเวลาว่าจะลดตอนไหนดี เข้าใจหรือยัง ครม. เขาเตรียมจะลดต่อ แต่จะต่ออย่างไรเมื่อไหร่กำลังหารืออยู่ในจุดนี้ อย่าลืมว่าภาษีที่เอามามันก็ไม่ได้ไปทำอย่างอื่นนำมาแก้ปัญหาให้เกิดสภาพคล่องตรงนี้ เพราะเราต้องสำรองไปก่อน

ในช่วงการลดราคาหรือช่วงชดเชยราคา ไม่เช่นนั้นเงินหมุนเวียนตรงนี้ก็จะไม่มีเลย แล้วเงินที่ได้มาจากภาษีสรรพสามิตก็ต้องนำมาทำอย่างอื่นด้วย พอลบตรงนี้ส่วนอื่นก็พร่องลงไปด้วยจึงจำเป็นต้องดูอย่างรอบคอบ ซึ่งในส่วนของรายละเอียดค่อยพูดคุยกันอีกทีนึง”

ส่วนการต่ออายุมาตรการจะใช้อัตราลดลงที่ 3 บาทเหมือนเดิมหรือไม่นั้น ต้องมาดูว่าจะต่อให้อีกเท่าไหร่ เหลืออีกกี่บาท 3 บาทหรือไม่ ส่วนระยะเวลาต้องทำก่อนหมดระยะเวลาที่รัฐบาลพยุงอยู่ ซึ่งก็คงต้องนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า คือวันที่ 17 พฤษภาคม

นายกฯ บอกว่า การทำงานต้องมีขั้นมีตอนเข้าใจกันหรือไม่ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ รัฐบาลจะลดให้อย่างเดียว ผมพูดอะไรก็ได้เดี๋ยวให้ลดแล้วใครรับผิดชอบ พวกเราทั้งหมดใช่หรือไม่ที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ วันนี้ผมบอกว่าผมจะดูมาตรการการลดภาษีสรรพสามิต ภาษีน้ำมันลงอีกได้หรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบอกว่าพอได้ ผมก็บอกว่าขอให้พิจารณาให้ทันเวลาที่เหลืออยู่ก็แล้วกัน ซึ่งกระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาในส่วนของตรงนี้และนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ซึ่งการลดอาจจะช่วยพยุงราคาไว้ได้บ้าง ที่พูดไม่ได้โมโหนะ

สำหรับการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 3 บาทต่อลิตร ที่ ครม.อนุมัติเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลสูญเสียรายได้เดือนละ 5,700 ล้านบาท รวมเสียรายได้ 1.7 หมื่นล้านบาท