รอฟัง! สถาบันพระปกเกล้าเปิดโพลผู้ว่าฯใครเข้าวินแต่คนกทม.งงส.ก.มีไว้ทำไม

ซึ่งความน่าสนใจของโพลนี้ ดร.ถวิลวดี ได้แง้มข้อมูลให้ "ข่าวข้นคนข่าว" ฟังว่า การสำรวจไม่ได้เน้นว่าใครจะได้หรือไม่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. ซึ่งส่วนนั้นก็มีการถาม แต่ก็จะถามลงลึกไปอีก เช่น 

-เราได้รู้ว่าคนกรุงเทพฯส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่น้อย ยังไม่รู้ว่าหน้าที่ผู้ว่าฯ คืออะไรกันแน่ 

-คนกรุงเทพฯส่วนหนึ่งยังไม่รู้ว่าบัตรเลือกตั้งมี 2 ใบ 

-คนกรุงเทพฯส่วนหนึ่งก็ยังไม่รูว่า ส.ก.มีไว้ทำอะไร และ ส.ก.ชุดที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง 

ซึ่งคนจำนวนมากตอบผิดเรื่องหน้าที่ผู้ว่าฯ หน้าที่ ส.ก. และเรื่องจำนวน ส.ก. มีกลุ่มตัวอย่างถึง 52% ตอบว่าไม่รู้ เพราะเรื่องนี้อาจทำความเข้าใจได้ เนื่องจากจำนวน ส.ก. เปลี่ยนแปลงไปมา ไม่แน่นอน 

-แต่ที่น่าภูมิใจ คือ คนกทม.รับรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค.นี้ โดยคะแนนการรับรู้อยู่ถึง 8.2 จากเต็ม 10

ดร.ถวิลวดี ยังบอกอีกว่า คนที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลาง และการกระจายตัวของตัวอย่างค่อนข้างดี ซึ่งคำตอบของคนที่มีสิทธิเลือกตั้งได้มาเยอะ คนกรุงเทพฯรู้ว่ามีการเลือกตั้ง แต่ไม่รู้ว่าเวลาเลือกตั้งสิ้นสุดที่ 17.00 น.

นอกจากนี้ ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งมีน้อย และที่สำคัญ คือ ครึ่งหนึ่งไม่เชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งที่สุจริต แสดงว่าไม่ค่อยไว้ใจการจัดการเลือกตั้งของ กกต. 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่สุดของคนกรุง คือ จราจร สภาพแวดล้อม และน้ำท่วม เพราะทุกคนเจ็บปวดมากจากเรื่องการเดินทาง การใช้รถใช้ถนน ซึ่งสาเหตุที่เรื่องนี้มาแรง อาจเป็นเพราะได้ถามและจัดการเลือกตั้งในช่วงหน้าฝนพอดี 

ผลสำรวจนี้ยังกระจายตัวไปถึงคนไม่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ทำงานเกี่ยวข้องกับ กทม. เช่น ทำงานในกรุงเทพฯ แต่ไม่ได้มีทะเบียนในกรุงเทพฯ 

-สรุปว่า ทั้งคน กทม. และคนที่ไม่มีทะเบียนบ้านใน กทม. ส่วนใหญ่อยากให้ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ได้เป็นผู้ว่าฯ สาเหตุเป็นเพราะหาเสียงมานาน แสดงความมุ่งมั่นให้คนได้เห็น แม้แต่คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยก็บอกว่าจะเลือก

นี่คือไฮไลท์ของการสำรวจคร่าวๆ ที่จะแถลงตัวเลขชัดๆ พร้อมบทวิเคราะห์ในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีนักรัฐศาสตร์ชื่อดังมาให้ความเห็นด้วย ทั้ง ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า และ ดร.เลิศพร อุดมพงษ์ นักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า 

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจชุดนี้ มีประเด็นคำถามเกี่ยวกับประชาธิปไตยของไทยด้วย โดยกลุ่มตัวอย่างให้คะแนนแค่ 2.7 จากเต็ม 5 ถือเป็นการสะท้อนความรู้สึกของประชาชนในเรื่องประชาธิปไตยของประเทศไทย ว่ายังน้อย