ความคืบหน้าจากทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จสิ้น โดยกล่าวทักทายสื่อมวลชนที่มาทำข่าวว่า “วันนี้ ออกมาพบเสียหน่อย เดี๋ยวจะคิดถึง เพราะไม่อยู่หลายวัน ต่างคนต่างคิดถึงก็แล้วกัน”
ต่อจากนั้น นายกฯ เปิดเผยว่า วันนี้ มีวาระพิจารณาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกับต่างประเทศ และมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเพิ่มเติม การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนดำเนินการ พร้อมที่จะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในเวลานี้ เพื่อขับเคลื่อนให้ได้โดยเร็วที่สุด ในเมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มเบาบางลง ได้รับคำชื่นชมจากหลายประเทศ หลายองค์กร จะทำอย่างไรให้สามารถเปิดประเทศ เปิดกิจการ จัดงานต่างๆ ได้ ไปสู่ความเป็นปกติใหม่ ควบคู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตามแนวทางที่เคยประกาศว่า ล้มแล้ว ต้องลุกให้ไว ก้าวให้ทัน ซึ่งรัฐบาลเตรียมมาตรการหลายอย่างเพื่อสนับสนุนการเปิดประเทศ
สำหรับนโยบายเร่งด่วนสำคัญ คือ การลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร ที่เราทำมาแล้ว โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการประกันรายได้เกษตรกรสวนยางพารา โดยวันนี้ มีการขยายสิทธิ์โครงการประกันรายได้ให้ชาวไร่มันสำปะหลัง ซึ่งจะได้รับประโยชน์มากกว่า 500,000 ราย เป็นเงินกว่า 3,600 ล้านบาท โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสำหรับผู้ทำงานที่บ้าน โครงการสร้างทักษะดิจิทัลเรียนจบไม่ตกงาน โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัล พร้อมกันนี้ ได้ให้บริการ e-Timestamping (การลงประทับเวลาเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์) ไปแล้วมากกว่า 16 ล้านฉบับ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME เสริมสภาพคล่อง
พล.อ.ประยุทธ์ เผยต่อไปว่า อีกประเด็นสำคัญที่คิดว่าเป็นประโยชน์ที่สุดในขณะนี้ คือ การอนุมัติยกร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิตของลูกจ้าง มีการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์มากขึ้นในหลายประเด็น ตามที่ กระทรวงแรงงานนำเสนอไป อาทิ เช่น
นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า ยังมีประเด็นอื่นๆ อีกหลายประเด็น เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งต้องเสนอเป็น พ.ร.บ. โดยวันนี้ผ่านการพิจารณาของ ครม. แล้ว และที่ผ่านมามีปัญหามากในเรื่องการกู้เงินนอกระบบ ความเดือดร้อน มีผู้ได้รับประโยชน์จากตรงนั้นมาก ดอกเบี้ยรายวันแพง เราก็หาวิธีการที่ทำให้สามารถดำเนินการได้
อนุมัติงบประมาณเร่งด่วน เพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชนเนื่องจากราคาพลังงาน ลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า FT) ประเภทบ้านที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็กเป็นเวลา 4 เดือน (พ.ค. - ส.ค. 2565) โดยเป็นการดำเนินการต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่เกิดสถานการณ์
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ เห็นชอบกรอบวงเงิน 1,724.95 ล้านบาท ในมาตรการให้ส่วนลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรค่า (FT) ให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยและประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสากิจ) ที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เป็นระยะเวลา 4 เดือน (พฤษภาคม-สิงหาคม 2565 )
โดยผู้ใช้ไฟฟ้าดังกล่าวที่จ่ายค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าจากการลดค่าเอฟทีที่ 0.2338 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการดำเนินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 และ 19 เมษายน 2565
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าทำให้ลดภาระค่าไฟฟ้าค่าของชีพแก่ประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก มีเงินเพื่อการบริโภคและอุปโภค ช่วยลดผลกระทบและป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ รวมไปถึงการใช้ชีวิตของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์ราคาพลังงานอันเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป ช่วยให้เศรษฐกิจไทยในภาพรวมสามารถขับเคลื่อนในระยะต่อไปได้