วันนี้ (1 พ.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2565 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ข้าราชการกระทรวงแรงงาน รวมถึงพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ให้การต้อนรับ
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับ 8 ข้อเรียกร้องจาก นายสุชาติ ไทยล้วน ประธานคณะกรรมการจัดงานฯ ประกอบด้วย 1.ให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคม และการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง 2.ให้เร่งนำร่าง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านประชาพิจารณ์มาแล้ว เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในรัฐสภาโดยเร่งด่วน 3.ให้ขยายวงเงินเพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ที่ลูกจ้างได้รับก้อนสุดท้าย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 จากฐาน 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท
4.ให้รัฐบาลแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 5.ให้รัฐบาลปฏิรูป แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคม 6.เร่งรัดออกกฎหมายคุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพแรงงานนอกระบบ และมีสิทธิจัดตั้งองค์กรได้ 7.ให้จัดระบบกองทุนสวัสติการเพื่อการเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้างภาครัฐวิสาหกิจ ให้เทียบเคียงกับระบบสวัสดิการของทางราชการ และลูกจ้างภาคเอกชน 8.แต่งตั้งคณะทำงานติดตามข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติ ปี พ.ศ.2565
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาเปิดงานวันนี้ ยืนยันว่าไม่เคยทอดทิ้งแรงงาน และในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติ ก็จะเป็นโอกาสดีที่ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงสิทธิและความปลอดภัยของพี่น้องแรงงาน พร้อมย้ำว่าต้องดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง ตนทราบดีว่าแรงงานคือกำลังหลักที่ทำให้ประเทศเข้มแข็งมาถึงทุกวันนี้ และยอมรับว่าเป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่และรายได้ของแรงงาน ซึ่งรัฐบาลพยายามดูแลทั้งแรงงานและผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และขณะนี้ก็เกิดสงครามความขัดแย้งในโลกใบนี้ ซึ่งกระทบกับทุกห่วงโซ่การผลิต เพราะวัตถุดิบต้องมาจากหลายประเทศ
เมื่อมีสถานการณ์ขัดแย้งก็ต้องเตรียมมาตรการอื่นไว้รองรับด้วย และที่สำคัญประเทศกำลังจะเผชิญกับการขาดแคลนแรงงาน เพราะกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ยอมรับว่าเวลานี้ค่าใช้จ่ายของแรงงานก็เกิดปัญหาเงินเฟ้อ รัฐบาลจึงระมัดระวังมากที่สุดเพื่อไม่ให้มากจนเกินไป แต่รัฐบาลจะไม่ทิ้งแรงงาน โดยได้หารือกับรองนายกฯ และรัฐมนตรีแรงงานมาตลอดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้มีรายได้เพิ่ม ซึ่งประเทศไทยยังส่งสินค้านวัตกรรมเดิมๆ จึงต้องเร่งเดินหน้าใช้เทคโนโลยีในการผลิต ใช้นวัตกรรมเข้ามาส่งเสริมการลงทุน
“แม้ว่าจะมีสงคราม แต่เชื่อมั่นว่าพวกเราจะรักและสามัคคี เพราะรัฐบาลเดินเพียงลำพังไม่ได้ ท่านก็เดินคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกัน ที่สำคัญมีสถาบันเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและศูนย์รวมของคนทั้งประเทศ”
นายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือ รักและสามัคคี พัฒนาตัวเอง ทุกคนต้องร่วมมือกัน ส่วนตัวยินดีรับข้อเรียกร้องทั้ง 8 ข้อไปพิจารณา ซึ่งบางเรื่องก็ดำเนินการอยู่แล้ว และสิ่งสำคัญคือ การหารายได้เข้าประเทศ แต่ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยลืมแรงงาน ส่วนการคุ้มครองแรงงาน กำลังพิจารณากันอยู่ ขอย้ำว่า ไม่ทอดทิ้งประชาชน อะไรที่ทำให้ได้ จะทำให้เต็มที่
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงกระทรวงแรงงาน ก็ได้เข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร ภายในห้องรับรองของกระทรวงแรงงานประมาณ 10 นาที ก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมที่จัดงานพร้อมกัน ซึ่งและหลังจบงาน พล.อ.ประวิตร ก็เดินทางกลับทันที ไม่ได้อยู่ดูนิทรรศการกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่อย่างใด