แง้มยุทธศาสตร์"สร้างอนาคตไทย"ตัวแปรใหม่การเมือง?

โดยแหล่งข่าวระดับสูงภายในพรรค ให้ข้อมูลว่า พรรคจะชูนโยบายและแนวทางการทำงานโดยเน้นเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งเป็นทิศทางที่แกนนำพรรคมีความถนัด โดยจะก้าวข้ามความขัดแย้งและข้อจำกัดทางการเมืองทุกอย่าง เพื่อขายไอเดียฟื้นเศรษฐกิจ และนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤตการณ์ ทั้งโรคระบาดและสงครามไปให้ได้

เพราะแกนนำพรรครู้ดีว่าคนไทยเบื่อการเมือง และเบื่อความขัดแย้ง แต่ต้องการรัฐบาลที่มุ่งมั่นและมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยมีบุคลากรกลุ่มนี้อยู่ในพรรคมากที่สุดในบรรดาพรรคการเมืองด้วยกัน 

ความหวังของประชาชนในเรื่องการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เคยปรากฏมาแล้วจากการหาเสียงในระยะเวลาสั้นๆ ของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ภายใต้การนำของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้งเมื่อปี 62 โดยหลังจากเปิดตัวพรรคได้ไม่นาน และชูจุดขายเรื่องเศรษฐกิจ ปรากฏว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมีหัวหน้าพรรคเป็นที่รู้จักเพียงคนเดียว สามารถกวาดคะแนนจากสนามเลือกตั้ง ทำให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไปแบบเป็นกอบเป็นกำถึง 6 คน 

สำหรับเป้าหมายที่พรรคสร้างอนาคตไทยวางเอาไว้นั้น แหล่งข่าวระดับสูงของพรรค บอกว่า เนื่องจากการเลือกตั้งหนนี้ เป็นการเลือกตั้งภายใต้กติกา "บัตร 2 ใบ" จึงต้องให้ความสำคัญกับ ส.ส.เขตอย่างมาก โดยในระดับพื้นที่ จะส่ง ส.ส.ครบทั้ง 400 เขต แต่จะเน้นเขตที่มีความหวัง เพื่อให้ได้ ส.ส.เป็นกอบเป็นกำ ราวๆ 25-30 คน

แล้วนำไปบวกกับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่พรรคน่าจะสร้างกระแสในระดับชาติได้ในเรื่องการฟื้นเศรษฐกิจ เป้าหมายจึงอยู่ที่ 50 ที่นั่งขึ้นไป เป็นพรรคขนาดกลางที่เป็นตัวแปรทางการเมืองได้ เหมือนกับพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ แต่พรรคสร้างอนาคตไทยมีจุดขายและแบรนด์ที่ชัดเจนในเรื่องเศรษฐกิจ 

การสรรหาตัว ส.ส.เขต ใช้วิธีชักชวน "ส.ส.บ้านใหญ่" ในพื้นที่ต่างๆ มาร่วมงานกับพรรค ซึ่งขณะนี้ก็ดึงมาได้จำนวนหนึ่งแล้ว และวางตัวรองหัวหน้าพรรคคุมพื้นที่ภาคต่างๆ เช่น อีสาน เหนือ กลาง ใต้ และหากภาคไหนใหญ่ ก็อาจวางขุนพลไว้ 2 คน เพื่อให้การหาเสียงเป็นเอกภาพ 

นอกจากนี้ นโยบายของพรรคจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจมหภาค พลังงาน สตาร์ทอัพ เศรษฐกิจชุมชน เอสเอ็มอี และนโยบายที่คิดมาเพื่อคนรุ่นใหม่ในท้องถิ่นให้สามารถทำธุรกิจเติบโตได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกและของประเทศไทยในปัจจุบัน

ส่วนการจับมือทางการเมืองก่อนเลือกตั้ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งนั้น แหล่งข่าวบอกว่า พรรคสร้างอนาคตไทยไม่ได้มี "ดีลลับ" หรือ "ดีลพิเศษ" กับฝ่ายใด แต่พร้อมร่วมงานกับทุกพรรค ที่มีอุดมการณ์แก้ไขปัญหาประเทศ และยอมรับนโยบายของพรรคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพียงแต่จะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 1 สมัย

ซึ่ง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ว่าที่เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย เคยประกาศเรื่องนี้เอาไว้ เพื่อความชัดเจนทางการเมืองว่า พรรคสร้างอนาคตไทยยืนอยู่ตรงจุดไหน และไม่ได้เป็น "พรรคสาขา" ของพลังประชารัฐ 

ขณะที่การประกาศชู นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์​ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น เพราะทางพรรคคิดว่ามีความเหมาะสม เนื่องจากนายสมคิดมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำประเทศฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจได้ เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจมาหลายรัฐบาล ได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ