การชุมนุมประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีศรีลังกาที่ยืดเยื้อมานานหลายสัปดาห์ด้วยความโกรธแค้นเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจยกระดับในวงกว้างมากขึ้น โดยเมื่อวันเสาร์มีจำนวนผู้ประท้วงเพิ่มเป็นหลายหมื่นคนชุมนุมใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโคลอบโบ เมืองหลวง โดยผู้ประท้วงปักหลักที่ด้านนอกทำเนียบต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 แล้ว บางคนเรียกพื้นที่ชุมนุมว่า "หมู่บ้าน โคตา-โก" ซึ่งเป็นคำที่ตะโกนขับไล่ประธานาธิบดีโคตาบายาให้ลาออกไปและกลับบ้านไป
ผู้ประท้วงวัย 21 ปีคนหนึ่ง บอกว่า พวกเขาเตรียมปักหลักชุมนุมยืดเยื้อนจนกว่ารัฐบาลจะลาออก และจะไม่หยุดต่อสู้จนกว่ารัฐบาลจะหาทางออกแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้มีรายงานว่า อาร์จูนา รานาตุงกา อดีตนักคริกเก็ตระดับตำนานของศรีลังกาที่คว้าแชมป์โลก และอดีตนักคริกเก็ตอีกบางคนเข้าร่วมชุมนุมประท้วงที่ด้านนอกทำเนียบเมื่อวันศุกร์ด้วย
ประเทศที่มีประชากร 22 ล้านคนแห่งนี้กำลังเผชิญวิกฤตการเงินครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 74 ปีนับตั้งแต่ได้รับเอกราช โดยมีสำรองเงินตราต่างประเทศไม่เพียงพอนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง และยารักษาโรค ทำให้ประชาชนถูกตัดไฟนานวันละ 3 ชม. และโรงพยาบาลขาดแคลนทั้งยาและต้องให้การรักษาผู้ป่วยท่ามกลางความมืด ที่ต้องอาศัยตะเกียงหรือไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งยังเผชิญการขาดแคลนอาหารและเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติการณ์
ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์โคลอมโบประกาศหยุดการซื้อขายนาน 5 วันช่วง 18-22 เม.ย.จากเดิมมีกำหนดเปิดในวันที่ 18 เม.ย.หลังการหยุดยาวช่วงเทศกาลตลอดสัปดาห์ การตัดสินใจดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และระงับการชำระหนี้ต่างประเทศชั่วคราว
รัฐบาลศรีลังกายังเตรียมเริ่มเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ ในวันที่ 18 เม.ย. เรื่องการขอเงินกู้ โดยคาดหวังว่าจะสามารถระดมเงินกู้จาก IMF และประเทศอื่น ๆ ราว 4,000 ล้านดอลลาร์เพื่อนำไปจัดซื้ออาาหารและเชื้อเพลิง และชำระหนี้บางส่วน
นอกจากนี้รัฐบาลประกาศใช้มาตรการปันส่วนน้ำมันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 เม.ย.แล้ว โดยผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์เติมน้ำมันได้สูงสุด 4 ลิตร รถสามล้อเติมได้ 5 ลิตร และรถยนต์เติมได้ 19.5 ลิตร และขอให้พลเมืองที่อยู่ในต่างแดนบริจาคเงินตราต่างประเทศเพื่อนำมาจัดซื้อสินค้าจำเป็นแก่ประชากรในประเทศ