ถือเป็นมวยถูกคู่อย่างมาก สำหรับอดีตคนเคยสนิท อย่างนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ “แตงโม นิดา” นักแสดงสาวที่พลัดตกเรือจมน้ำเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ
ภายหลัง “อัจฉริยะ” ออกมาเคลื่อนไหวในคดีการตายของ “แตงโม” จน “ทนายเดชา” ต้องออกมาพูดขู่ว่า จะดำเนินคดีเอาผิดอดีตเพื่อนสนิทรายนี้ เพราะทำให้สังคมสับสน ก่อนใช้คำพูดแรงๆ ไปถึงอีกฝ่ายว่า “ยอมรับว่าเคยสนิทกันจริง แต่เขาเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าพูดดี เรียกผมว่าอาจารย์ แต่ลับหลังไปนินทา เรียกผมว่าไอ้ จึงเป็นคนที่คบไม่ได้” นั้น
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (10 เม.ย.) “อัจฉริยะ” ไลฟ์ผ่านช่องยูทูบ “โคนัน เมืองไทย” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเองคลุกคลีในการเคลื่อนไหวคดีอาชญากรรมมานานหลายปี ทำมาตั้งแต่มีเส้นผม จนตอนนี้หัวล้านแล้ว ฉะนั้นทำให้รู้จักตำรวจ ทั้งฝ่ายสืบสวน และพิสูจน์หลักฐาน รวมถึงคุณหมอจากนิติเวช โดยสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเรียนจบกฎหมาย หรือต้องมีตั๋วทนายความ ก็สามารถทำความเข้าใจได้
“ตอนนี้ผมมีหลักฐานว่า แตงโมไม่ได้ตกน้ำจากท้ายเรือ และไม่ได้เป็นอย่างคำให้การของคุณแซน (วิศาพัช มโนมัยรัตน์) ฉะนั้นคดีนี้ถ้าจะปิดสำนวนจริงๆ ถือว่าไม่หมูแน่นอน เพราะต้องพิสูจนให้ได้ว่า แตงโมตกเรือจากตรงไหน”
ทั้งนี้มีบางคนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยมีการพูดพาดพิง เข้าข่ายหมิ่นประมาทตนเอง ซึ่งแบ่งเป็นทั้งหมด 7 คดี โดยมีการจ่ายเงินให้ค่าทนายความไปแล้ว ให้ดำเนินการฟ้องร้อง “ไอ้ห้อย” ซึ่งหลังช่วงสงกรานต์ ฝากเตือนอีกฝ่ายเตรียมรับหมายศาลได้เลย
โดยทั้ง 7 คดี เช่น เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ได้หมิ่นประมาทตนเอง บอกว่าไปตบทรัพย์นักธุรกิจชาวจีน หรือการกล่าวหาว่าเรียกเปอร์เซ็นต์จากโรงพยาบาล 2 แห่ง เพราะเข้าไปเคลื่อนไหวเรื่องคดีอาชญากรรม
“ฟังให้ดีนะไอ้ห้อย ผมไม่เคยบอกว่า ผมเป็นทนายความ แต่เรามีทีมทนายความเป็นพันธมิตรในเครือข่ายผมอยู่หลายคน ซึ่งเป็นลักษณะทนายพี่ ทนายน้อง มีการจ่ายค่าวิชาชีพเป็นคดีๆ ให้ตอบแทน เราไม่จำเป็นต้องเปิดสำนักงานกฎหมายแสวงหาผลประโยชน์ โดยการเปิดสำนักงานแบบไอ้ห้อย ต้องไปจ้างทนายความ และลูกจ้างมา แต่หลายครั้งก็แพ้คดี อย่างคดีแม่เลี้ยงที่ภาคเหนือ แพ้ถึง 6 คดี ซึ่งเขาคงไม่กล้าเถียงผม”
อยากฝากเตือนไปถึง “ไอ้ห้อย” ว่าควรทำความดีไว้เยอะๆ เพราะคนเราอายุมันสั้น ฉะนั้นควรเก็บปากไว้อย่ามาหาเรื่องดีกว่า โดยตนเองกับบุคคลดังกล่าว มีปัญหากันมานาน 6 เดือนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี “ไอ้ห้อย” มีการด่าทอกับ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด มาตลอด ทำให้ถูกฟ้องร้อง และขอให้ตนเองช่วยเป็นพยาน โดยให้ช่วยพูดว่า คนที่เขาด่าไม่ใช่ทนายชื่อดัง แต่ตนเองปฏิเสธไป เพราะมันไม่ใช่ความจริง และเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ หรือเป็นพยานเท็จ
“จากเรื่องที่ไม่ยอมเป็นพยานให้ เป็นเหตุผลให้เขาโกรธผม ฉะนั้นอยากให้เขาพูดความจริงบ้าง ไม่ใช่มาบอกว่าผมคบไม่ได้ นินทาลับหลัง ต่อหน้ายกมือไหว้ ลับหลังเรียกไอ้ แต่ตัวคุณเองด่าทุกคน ทั้งทนายเจมส์ ทนายนิด้า ยาวไปจนถึงนายกฯ คุณอาจคิดว่าได้แสง ได้เรตติ้ง ถ้าผมเป็นคุณ ผมอายมาก คุณด่าเขามา 2-3 ปี สุดท้ายคุณไปขอขมาเขา ไปนั่งกินไวน์ด้วยกัน ซึ่งผมทำแบบนั้นไม่ได้ ฉะนั้นอยากให้พี่น้องประชาชนดูว่า คนแบบนี้มันคบได้ที่ไหน”
แม้กระทั่งคำว่า “จุ๊กกรู๊” หรือ “ยิฮิ้ว” ที่เขานำมาใช้เป็นคำพูด และอ้างว่าเป็นคนคิดขึ้นมาเอง ตรงนี้ขอแย้งว่า “ไอ้ห้อย” ไม่ใช่คนคิดเอง เพราะเคยมีทนายความคนหนึ่ง ที่ถูกจับฐานเมาแล้วขับบนทางด่วน เป็นคนพูดคำนี้ขึ้นมาครั้งแรก ซึ่งตรงนี้จะแสดงให้เห็นว่า คนแบบนี้คิดอะไรเองไม่เป็น
“หลังจากนี้จะทำให้ไอ้ห้อย ได้รู้ซึ้งถึงการขึ้นศาลในฐานะจำเลย เพาะไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันแล้ว เพราะต้องมัววิ่งขึ้นศาล โดยผมจะฟ้องศาลหลายจังหวัด ทั้งอุดรธานี มุกดาหาร หนองคาย สมุทรปราการ เอาให้เหนื่อยเลย”
ขณะที่ "ทนายเดชา" โพสต์ข้อความว่า "นายอัจฉริยะบอกว่าจะฟ้องผม 7 คดีต้องฟ้องนะครับผม/จะได้ฟ้องกลับทั้งโจทก์และทนายโจทก์"