วันนี้ (9 เม.ย.) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ “แตงโม นิดา” นักแสดงสาวที่พลัดตกเรือจมน้ำเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ เปิดเผยว่า ขณะนี้เตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” จนทำให้สังคมสับสน และรบกวนการทำงานของตำรวจ
โดยนายอัจฉริยะ เข้ามายุ่งใน 2 ส่วน เรื่องแรกคือกรณีแจ้งความกองบังคับการปราบปราม ให้เอาผิด “แซน วิศาพัช” ในข้อหาให้การเท็จ โดยอ้างว่ามีหลักฐานที่เห็นชัดเจนว่า ไม่ได้นั่งอยู่ท้ายเรือตอนเกิดเหตุ และบอกอีกว่า “แตงโม” ตกเรือจากด้านหน้า ไม่ใช่ทางท้ายเรือ
“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความเท็จ ไม่ตรงกับความจริงที่อยู่ในสำนวน และคลิปหลักฐานต่างๆ ที่นำมายื่นให้ ตำรวจก็มีหมดแล้ว โดยตำรวจมีหลักฐานชี้ชัดเหตุการณ์จริงทั้งหมด ถือว่านายอัจฉริยะ แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และทำให้เสียรูปคดี”
ส่วนเรื่องที่ 2 กรณีที่นายอัจฉริยะ ไลฟ์สดช่องยูทูปของตัวเองว่า คดีนี้ฝ่ายผู้เสียหายจะแพ้แน่ ทุกคนบนเรือจะรอดทั้งหมด ทำให้สังคมเกิดความสับสน รวมถึงยังกล่าวหาตนเองและตำรวจ โดยบอกว่ากุนซือไม่มีจริง ทั้งที่ตำรวจเรียกกุนซือไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว
เบื้องต้นจะแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาแจ้งความเท็จ , หมิ่นประมาท , ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน , และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ นอกจากการดำเนินคดีแล้ว ยังอยากให้มีการปิดช่องยูทูปของนายอัจฉริยะ เพราะนอกจากเรื่องคดี “แตงโม” มักจะไลฟ์สดบอกว่า จะไปจับกุมคนนั้นคนนี้ ทั้งที่ไม่ได้เป็นตำรวจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเรื่องนี้จะไปคุยกับ ผบ.ตร.ต่อไป
ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่เข้ามายุ่งคดี “แตงโม” แล้วทำให้สังสับสน อย่าง “บังแจ็ค” ตนเองจะพา “หนุ่ม กรรชัย” ไปแจ้งความในสัปดาห์หน้า ส่วนนักการเมืองที่ออกมาพูดเรื่องนี้ หากยังไม่หยุดจะต้องดำเนินคดีด้วย และอาจไปยื่นเรื่องถอดถอนออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงอดีตตำรวจสันติบาลด้วย
“คุณแม่แตงโมเห็นชอบที่จะดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้ เพราะทำให้คดีวุ่นวาย ส่วนความสัมพันธ์ของผมกับนายอัจฉริยะ ยอมรับว่าเคยสนิทกัน แต่อีกฝ่ายเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าพูดดี เรียกผมว่าอาจารย์ แต่ลับหลังไปนินทา เรียกผมว่าไอ้ จึงเป็นคนที่คบไม่ได้”
ทั้งนี้คาดว่าตำรวจจะสามารถสรุปสำนวน และแถลงข่าวปิดคดีได้ช่วงวันที่ 19-20 เม.ย.นี้ สัปดาห์หน้าอาจจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาทำลายพยานหลักฐานกับคนบนเรือเพิ่ม โดยการทำลายหลักฐาน รวมทั้งการลบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ และการทิ้งขวดไวน์แก้วไวน์