7 เมษายน 2565 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ร่วมกับนักวิชาการด้านสังคม อาทิ ศ.ดร.นฤมล นิราทร คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.กฤษฎา ธีระโกศลพงศ์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ลงพื้นที่บางแค เพื่อพบปะตัวแทนเครือข่ายกลุ่มหาบเร่ แผงลอย นำโดย นายเรวัตร ชอบธรรม ประธานเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และน.ส.ณฐชา คะเณกิจ ตัวแทนกลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอยตลาดบางแค
ทั้งนี้ เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาปากท้อง การประกอบอาชีพ รวมถึงให้กำลังใจ และชี้ปัญหาพื้นที่ค้าขาย หาบเร่ แผงลอย บนทางเท้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องแก้ไขอย่างรอบคอบ โดยพรรคเปิดกว้างรับฟังทุกฝ่าย พร้อมหวังวางนโยบายแก้ปัญหาแบบบูรณาการสมดุลทั้งคนทำมาหากินและความสะดวกต่อการสัญจร
โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวภายหลังจากการลงพื้นที่โดยส่วนตัวมองว่า ปัญหาเรื่องพื้นที่ค้าขาย หาบเร่ แผงลอย บนทางสัญจร ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมายาวนานนั้น จะต้องมีการแก้ไขอย่างรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทย อาสาเข้ามาทำงานการเมืองรับใช้ประชาชน ได้ประกาศอุดมการณ์ไว้อย่างชัดเจนว่า ทุกนโยบายของพรรคต้องเป็นนโยบายที่แก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ไม่ใช่การแก้แบบสะสมปัญหา
อย่างไรก็ตาม พรรคพร้อมที่จะเดินเข้ารับฟังปัญหาของประชาชนทุกพื้นที่ และพร้อมเปิดกว้างรับฟังทุกฝ่าย ที่ต้องการให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ ที่จะนำมาซึ่งการวางนโยบายของพรรคที่ตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่ได้จริงๆ ซึ่งสตรีทฟู้ด ร้านค้าหาบเร่ แผงลอยต่างๆ ถือเป็นเศรษฐกิจของคนรากหญ้า ต้องเข้าไปดูแลและแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันความสะดวกสบายของการสัญจรของผู้คน ก็เป็นสิ่งละเลยไม่ได้เช่นกัน หากจะแก้ปัญหาก็ต้องให้เกิดความสมดุลทั้ง 2 ด้าน
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ข้อมูลต่างๆ ที่ทีมยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคสร้างอนาคตไทย ได้จากการลงพื้นที่ในพื้นที่ย่านบางแค จะนำข้อมูลกลับไปหารือเพื่อกลั่นกรองเป็นนโยบายของพรรค ในด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของคนรากหญ้า ซึ่งพรรคยังจะเดินหน้าพบปะรับฟังปัญหาของประชาชนทุกพื้นที่ คู่ขนานกับการให้ความช่วยเหลือในส่วนที่พรรคพอจะทำได้คู่ขนานกันไป เพราะพรรคมองว่าความลำบากของประชาชนต้องช่วยทันทีไม่จำเป็นต้องรอเลือกตั้ง
"ผมมองว่าทุกปัญหามีทางแก้และมีทางออก แต่ต้องเปิดใจรับฟังและกลั่นกรองข้อมูลจากทุกฝ่าย เพื่อวางแนวทางแก้ไขอย่างตรงจุด และต้องแก้แบบองค์รวม ภายใต้หลักกฎหมายและหลักเกณฑ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องไม่ใช่การแก้แบบลูบหน้าปะจมูก แก้ให้อีกฝ่ายแต่กลับไปสะสมปัญหาให้กับอีกฝ่าย เพราะแบบนั้นไม่ใช่ทางออกแต่กลับกันยิ่งจะเป็นการสะสมปัญหามากยิ่งขึ้น ปัจจุบันประชาชนบอบช้ำเรื่องการทำมาหากินจากวิกฤติเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิดที่ยังไม่ฟื้นตัว มาวันนี้ถูกซ้ำเติมจากผลพวงของสงครามรัสเซียกับยูเครนอีก ซึ่งเสียงสะท้อนที่ผมได้รับฟังวันนี้ต่างบอกว่า ข้าวของแพงค้าขายลำบาก รายได้ไม่พอกับรายจ่าย นำไปสู่ปัญหาหนี้นอกระบบ" นายสนธิรัตน์ กล่าว
ส่วนมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐออกมาเยียวยาก็เรียกได้ว่ายังใช้ยารักษาที่ไม่ตรงกับอาการ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกเห็นอกเห็นใจถ้าหากประชาชนยังต้องมาแบกรับเรื่องความไม่แน่นอนในพื้นที่ทำกินอีก ก็คงเป็นเรื่องที่บั่นทอนต่อการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมาก เพราะภาคเศรษฐกิจในประเทศต่างขับเคลื่อนจากรากหญ้า แต่ถ้าหากเศรษฐกิจฐานรากอยู่ไม่ได้ผมถือว่าเป็นเรื่องอันตรายต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศเช่นกัน