นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน วัย 69 ปี ซึ่งเผชิญความท้าทายต่อเส้นทางการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุด แถลงทางโทรทัศน์เมื่อวันอาทิตย์ ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง เพื่อตัดสินใจว่าต้องการให้ใครบริหารประเทศ
ประธานาธิบดี อาริฟ อัลวี อนุมัติให้ยุบสภาตามคำขอของนายข่าน โดยข่านกล่าวหาว่าพรรคฝ่ายค้านร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อโค่นล้มเขา และสหรัฐฯ ต้องการให้เขาพ้นตำแหน่ง เพราะการวิจารณ์นโยบายของสหรัฐฯ และการดำเนินนโยบายต่างประเทศของเขา แต่ทั้งพรรคฝ่ายค้านและสหรัฐฯ ปฏิเสธข้อกล่าวหา
นายกรัฐมนตรีข่านเลือกนำประเทศเข้าสู่การเลือกตั้ง หลังจากรองประธานรัฐสภาคัดค้านการจัดลงมติไว้วางใจต่อนายกรัฐมนตรี ที่เดิมกำหนดจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ 3 เม.ย. และมีแนวโน้มว่าข่านจะแพ้มติ แต่พรรคฝ่ายค้านบอกว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมาย และยื่นร้องเรียนต่อศาลสูงสุดแล้ว ซึ่งศาลเตรียมพิจารณาทบทวนทั้งเรื่องการลงมติไม่ไว้วางใจและการยุบสภา พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติไม่ไว้วางใจโดยกล่าวหาว่าข่านบริหารจัดการเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศผิดพลาด
ขณะนี้ปากีสถานมีอัตราเงินเฟ้อเป็นตัวเลขสองหลักและสูงเป็นอันดับสองในเอเชีย ราคาสินค้าจำเป็น เช่น อาหารและเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้สำรองเงินตราต่างประเทศร่อยหรอลง
อิมราน ข่าน ซึ่งเป็นอดีตนักคริกเก็ตชื่อดัง ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2561 และสัญญาว่าจะปราบปรามคอร์รัปชันและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่คะแนนนิยมลดลงหลังจากเงินเฟ้อ และหนี้ต่างประเทศพุ่งสูงขึ้น
ที่ผ่านมากองทัพปากีสถานเคยเป็นลูกค้ารายสำคัญที่ซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ แต่เริ่มหันมาดำเนินนโยบายต่างประเทศที่มีการถ่วงดุลมากขึ้น หลังจากนำเข้าอาวุธจากจีนมากขึ้น ข่านยังพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับทั้งจีนและรัสเซียมากขึ้นด้วย โดยเขายังพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากปูตินสั่งให้ทหารบุกยูเครน