สภาพเมืองบูช่า, เออร์พินและฮอสโตเมล รอบกรุงเคียฟของยูเครน หลังการถอนทหารของรัสเซีย ถูกระบุว่าไม่ต่างจากพื้นที่เกิดเหตุอาชญากรรมรุนแรง มีทั้งศพที่เกลื่อนอยู่ตามถนนและหลุมศพขนาดใหญ่ อัยการของทั้ง 3 เมือง ได้เข้าตรวจสอบสำหรับความเป็นไปได้ที่จะยื่นฟ้องรัสเซียในข้อหา "ก่ออาชญากรรมสงคราม" หลังพบศพพลเรือนรวม 410 ศพ ซึ่งอิรีนา เวเนดิคโตวา อัยการสูงสุดระบุว่าเพิ่งตรวจสอบได้แค่ 140 ศพ
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส, แอนโตนิโอ กูร์เตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ, นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนี, นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ, ลินดา โธมัส กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ และแอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ประณามรัสเซียต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะที่เมืองบูช่า และเรียกร้องให้เปิดการสืบสวนอิสระ
ยูเครนอ้างว่ามีหลักฐานที่แสดงถึงความป่าเถื่อนของทหารรัสเซีย ที่นอกจากศพที่ถูกทิ้งตามถนนรวมทั้งศพที่อยู่ในสภาพถูดมัดมือไพล่หลัง มีรอยกระสุนที่ด้านหลังศีรษะกับหลุมศพหมู่ 2 แห่งในบูช่า ซึ่งเป็นหนึ่งในมากกว่า 30 เมือง ที่ได้รับการปลดปล่อยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังมีเหยื่อข่มขืนอีกด้วย ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนเต็มตื้นไปด้วยความรู้สึกสะเทือนใจเกินกว่าจะให้ปากคำได้
ตอนนี้เมืองบูช่าถูกเรียกว่า "เซรเบรนิกาใหม่" ซึ่งเป็นการอ้างถึงเหตุการณ์าสังหารหมู่ผู้ชายและเด็กผู้ชายชาวมุสลิม 8,000 คน ในเมืองเซรเบรนิกา ในสงครามบอสเนีย ซึ่งอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เรียกร้องให้เปิดการไต่สวนระดับนานาชาติ ไปสู่ข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม ขณะที่นายกรัฐมนตรีคาจา คัลลัส ของเอสโทเนีย ประกาศว่า "มันไม่ใช่สนามรบ มันเป็นพื้นที่เกิดอาชญากรรม"
ผู้รอดชีวิตจากการซ่อนตัวอยู่ชั้นใต้ดินของอาคารอ้างว่า ทหารรัสเซียโกนศีรษะผู้หญิงที่ถูกจับได้ สะท้อนถึงการปฏิบัติของนาซีต่อผู้หญิงในค่ายกักกันสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเหยื่อที่ถูกข่มขืนทั่วประเทศ รวมทั้งผู้เยาว์และการใช้เด็กเป็นโล่ห์มนุษย์ และผู้นำชุมชนถูกลักพาตัวไปในช่วงที่ทหารรัสเซียถอนทัพ สร้างความวิตกต่อความปลอดภัยของพวกเขา หลังจากหนึ่งในนี้ถูกสังหารระหว่างถูกควบคุมตัว
กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch อ้างว่า ทหารรัสเซียกระทำต่อชาวยูเครนแบบเดียวกับที่โซเวียตกระทำต่อยุโรปตะวันออกและเยอรมนี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่รวมทั้ง ปล้น ฆ่า และข่มขืน ซึ่งประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี บอกว่า นี่เป็นการล้างเผ่าพันธุ์...ทำให้สิ้นชาติและประชาชน...