ชาวบ้านเดินเท้ายื่นฟ้องศาลปกครองเชียงใหม่ระงับเหมืองอมก๋อย

     เมื่อเวลา 9.00 น. ของวันที่ 4 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนชาวบ้านจาก 5 อำเภอในพื้นที่ ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รวมแล้วประมาณ 100 คน ได้รวมตัวกันเดินเท้าบนถนนโชตนา เริ่มจากบริเวณสวนหลวงร.9 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ศาลปกครองเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ พิจารณาระงับการขอสัมปทานเหมืองแร่ถ่านหิน บนเนื้อที่ 284 ไร่ ที่บ้านกะเบอะดิน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ หลังชาวบ้านมองว่า จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และ วิถีชีวิต พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA มีข้อพิรุธหลายอย่าง และ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีส่วนร่วม และชาวบ้านได้ต่อสู้มาตั้งแต่ปี 2543

      โดยการยื่นคำฟ้อง ดำเนินการโดย นายสุมิตรชัย หัตถสาร ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นผู้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ หลังจากนั้น แผนกคดีสิ่งแวดล้อม ศาลปกครองเชียงใหม่ ได้รับเรื่อง เป็นคดีดำหมายเลข ส.1/2565 ผู้ฟ้องคดีคือ นางสาวพรชิตา ฟ้าประทานพร กับพวกรวม 50 คน ผู้ถูกฟ้องคือ คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่ และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 2

    นายสุมิตรชัย หัตถสาร กล่าวว่า กระบวนการต่อจากนี้ศาลได้รับคำฟ้องแล้ว ศาลปกครองอาจใช้เวลา 1 เดือนในการพิจารณารับฟ้องเป็นทางการ ถ้าเอกสารทั้งหมดที่เรายื่นไปถูกต้องทั้งหมด ศาลปกครองจะรับฟ้องไว้พิจารณา สิ่งที่ยื่นฟ้องต่อศาลไปคือ รายงานการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโดยชุมชน หรือ CHIA ของกลุ่มชาวบ้าน เป็นการรวบรวมข้อมูลผลกระทบด้านสุขภาพ ด้านสังคม ของชุมชนทั้งหมด ตลอดเกือบ 3 ปี เพื่อนำไปโต้แย้งกับรายงานผลกระทบของบริษัทที่ได้รับสัมปทานที่เคยยื่นไว้เมื่อกว่าสิบปีก่อน ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และไม่ถูกต้องหลายประการ รวมถึง EIA ฉบับนี้เป็นฉบับที่เก่าแล้วมีอายุมากว่า 10 ปี ไม่เหมาะสมกับบริบทปัจจุบัน สิ่งอาจส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมปัจจุบันทั้งฝุ่น PM2.5 และสารโลหะหนักที่อาจปนเปื้อนตกค้างในพื้นที่ ซึ่งต้องชี้ให้ศาลเห็นว่า EIA ไม่เหมาะสมในปัจจุบัน อาจต้องยกเลิก EIA ฉบับนี้ และสำรวจกันใหม่อีกครั้ง

     ส่วนการที่มีการปลอมลายเซ็นของชาวบ้าน ในคดีนี้มีการขาดอายุความไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามต้องใส่เข้าไปเพื่อเป็นส่วนประกอบในสำนวน และทางกรรมการสิทธิฯ ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีการปลอมแปลงจริง จึงต้องให้ศาลปกครองวินิจฉัยในประเด็นนี้ด้วย

     ด้านนายเฉลิมพงษ์ พัฒนาศาสตร์กุล ตัวแทนชาวบ้านบ้านกะเบอะดิน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  กล่าวว่า ที่พี่น้องประชาชนมาในวันนี้ จุดประสงค์หลักคือการฟ้องต่อศาลปกครอง ให้ถอดถอน EIA เพราะ EIA ฉบับนี้สำรวจมาไม่ตรงประเด็น เช่นการที่บอกว่าพื้นที่ทำเหมืองเป็นป่าเสื่อมโทรม แต่คนในพื้นที่รู้ดีว่าป่าไม่ได้เสื่อมโทรมแถมยังเป็นป่าต้นน้ำ และชุมชนโดยรอบยังทำการเกษตรเช่นการปลูกข้าวเป็นต้น ถ้ามีการเข้ามาทำเหมืองจะส่งผลกระทบต่อหลายสิ่งหลายอย่างในพื้นที่ โดยเฉพาะด้านสุขอนามัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และส่วนที่สำคัญที่ทำให้ EIA ฉบับนี้ไม่มีความชอบธรรม คือมีการปลอมลายเซ็นชาวบ้าน รวมทั้งมีชื่อของเด็กอยู่ในการรับรอง EIA รวมถึงชาวบ้านบางคนที่ไม่สามารถเขียนหนังสือได้ จึงต้องร้องต่อศาลปกครองให้ระงับและถอดถอน EIA ฉบับนี้

     ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ตัวแทนชาวบ้าน ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่เสร็จสิ้น และศาลปกครองเชียงใหม่รับคำฟ้องแล้ว ทางชาวบ้านได้มีการถ่ายรูปกับป้ายศาลปกครองเชียงใหม่ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

ข่าว / ภาพ โดย เกรียงไกร รัตนา ศูนย์ข่าวเนชั่นภาคเหนือ