29 มีนาคม 2565 กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า ประเด็นหมายเลขผู้สมัคร ส.สและบัญชีรายชื่อ ควรเป็นเบอร์เดียวกันหรือแยกกัน ซึ่งขณะนี้ เสียงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย มีทั้งฝ่ายที่ให้ใช้หมายเลขเดียวกันทั้งส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ กับฝ่ายที่อยากให้ใช้บัตรเลือกตั้งส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อเป็นคนละเบอร์
โดยแนวโน้มของผลการลงมตินั้น เสียงส่วนใหญ่ในกมธ.จะลงมติไปในทางให้ใช้บัตรเลือกตั้งส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อเป็นคนละเบอร์ ตามร่างพ.ร.ป.ที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี ซึ่งสามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนได้เกินครึ่ง หรือ25 เสียงแล้ว จากจำนวนกมธ.ทั้งหมด 49 คน ได้แก่ ส.ว.14 เสียง คณะรัฐมนตรี 8 เสียง พลังประชารัฐ 6 เสียง ภูมิใจไทย 3 เสียง ชาติไทยพัฒนา 1 เสียง รวม 32 เสียง
ขณะที่ฝ่ายที่สนับสนุนให้ใช้บัตรเบอร์เดียวกันส่วนใหญ่เป็นส.ส.ฝ่ายค้านนำโดยพรรคเพื่อไทย 8 เสียง พรรคก้าวไกล 3เสียง พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคละ 1 เสียง รวมได้เพียง 12 เสียงเท่านั้น
ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่...) พ.ศ... รัฐสภา ได้ทำหนังสือแจ้งกมธ. ถึงการนัดประชุมกมธ. ในวันที่ 30 มีนาคม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วย การเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ...และประชุมวันที่ 31 มีนาคม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่...) พ.ศ.... ในเวลา 09.30 น.
โดยได้แจ้งวาระสำคัญด้วยว่า ในการประชุมวันดังกล่าว จะมีการลงมติในประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น พร้อมกับแจ้งเวลาลงมติ คือ ประเด็น กำหนดหมายเลขที่จะใช้ลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็นส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ว่าจะเป็นหมายเลขเดียวกันหรือต่างหมายเลขกัน ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 30 มีนาคม เวลาประมาณ 11.30 น. และประเด็นการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ร่วมจัดตั้งพรรค ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในวันที่ 31 มีนาคม เวลาประมาณ 11.30 น.