แหล่งข่าวเปิดเผยว่าสหรัฐฯ พร้อมด้วยชาติสมาชิกกลุ่มจี 7 และสหภาพยุโรป เตรียมประกาศยกเลิกสถานะ "ชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่ง" (most favored nation) แก่รัสเซีย โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมประกาศเพิกถอนสถานะความสัมพันธ์ระดับปกติถาวร (Permanent Normal Trade Relations) ต่อรัสเซียในวันศุกร์นี้ และหลังการประกาศของไบเดน รัฐสภาจะต้องผ่านกฎหมายเพื่อตัดความสัมพันธ์การค้าระดับปกติกับรัสเซีย ซึ่งจะทำให้รัสเซียสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้า และเปิดทางให้สหรัฐฯสามารถเพิ่มกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากรัสเซีย
การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นการยกระดับมาตรการกดดันต่อรัสเซีย เพื่อให้ยุติสงครามในยูเครน ที่ยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 และเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
ข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุว่าในปี 2562 รัสเซียเป็นชาติคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 26 ของสหรัฐฯ มีมูลค่าการค้าระหว่างสองฝ่ายรวมเกือบ 28,000 ล้านดอลลาร์ สินค้านำเข้าจากรัสเซียอันดับต้น ๆ คือ เชื้อเพลิงแร่ธาตุ, โลหะและหินมีค่า, เหล็กและเหล็กกล้า, ปุ๋ยและสารประกอบอนินทรีย์ ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีไบเดนประกาศเมื่อวันอังคาร สั่งห้ามนำเข้าน้ำมันและพลังงานทุกชนิดจากรัสเซียทันที หลังจากสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อระบบการเงิน ภาคธุรกิจ และนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลของรัสเซีย
แต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่ามาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติต่อรัสเซีย จะส่งผลกระทบต่อประเทศเหล่านั้นด้วย ซึ่งจะทำให้ราคาพลังงานและอาหารพุ่งสูงขึ้น ขณะที่รัสเซียสามารถรับมือกับการคว่ำบาตรและจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และหลังจากปูตินลงนามในประกาศค่ำสั่งออกมาตรการพิเศษทางเศรษฐกิจเมื่อวันอังคาร เพื่อห้ามส่งออกและนำเข้าสินค้าบางชนิดต่อบางประเทศจนถึงสิ้นปีนี้ ล่าสุดรัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดประเภทสินค้าและประเทศที่จะได้รับผลกระทบแล้ว
สินค้าที่ถูกระงับการส่งออกมากกว่า 200 รายการ มีทั้งโทรคมนาคม การแพทย์ ยานยนต์ เกษตรกรรม อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์เทคโนโลยี ไม้แปรรูป ตู้ขบวนรถไฟ คอนเทนเนอร์ และอื่น ๆ ส่วนประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้มี 48 ประเทศ เช่น สหรัฐฯ และสมาชิกสหภาพยุโรป