วันนี้(9 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค 3 )ได้รับแจ้งจากนายนพดล บุญมี ลูกเรือ SCHUMI 7 ซึ่งเป็นเรือประเภทแทงเกอร์ แจ้งขอความช่วยเหลือต้องการกลับประเทศไทย แต่เรือลำดังกล่าวฯ ไม่จอดเทียบท่าให้ นานกว่า 13 เดือนแล้ว ซึ่งเจ้าตัวได้ทำสัญญาไว้แค่ 9 เดือนเท่านั้น
จากการตรวจสอบในระบบ SEA VISION และประสานข้อมูลกับศูนย์ PHUKET VTMS พบว่าเรือลำดังกล่าวฯ เมื่อเวลา 18.00 น. อยู่ทางทิศตะวันตกของ จว.ภูเก็ต ห่างจากหลักเทียบเรือ ทรภ.3 ประมาณ 20 NM จึงให้เรือหลวงแหลมสิงห์ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ต และคณะทำงานต่อต้านการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน กระทรวงแรงงานเข้าตรวจสอบเรือลำดังกล่าวฯ
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบระบบ Winward พบว่าเรือลำดังกล่าวฯ กำลังเดินทางผ่านเขาหน้ายักษ์ ใกล้ฐานทัพเรือพังงา จึงได้สั่งการให้ เรือ ต.229 เข้าร่วมสกัดเรือลำดังกล่าวฯ โดย ร.ล.แหลมสิงห์ พร้อมชุดสหวิชาชีพ ซึ่งไล่ติดตามมาก่อนนั้น จะเดินทางเข้าสมทบ กระทั่งในเวลา 20.00 น. เรือ ต.229 สามารถควบคุมเรือ SCHUMI 7 ไว้ได้
น.ต.กุลวิณ สุคนธมาน ผบ.ร.ล.แหลมสิงห์ ได้สั่งการให้ชุดตรวจค้นเข้าทำการควบคุมเรือ และลูกเรือทั้ง 18 คน พร้อมตรวจ ATK ไม่พบผู้ติดเชื้อ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารสัญญาจ้าง และอื่น ๆ โดยข้อมูลเบื้องต้นเรือลำดังกล่าวฯ เดินทางมาจาก จังหวัด Batam ประเทศอินโดนีเซีย โดยบรรทุกก๊าซ ไปส่งที่ประเทศบังคลาเทศ มีลูกเรือจำนวน 18 คน ทั้งหมดเป็นคนไทย และมีลูกเรือจำนวน 16 ที่หมดสัญญาจ้างมาแล้วประมาณ 1 เดือน ในจำนวนนี้ มีจำนวน 5 คน มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ
ทำให้เรือดังกล่าวฯ จำเป็นจะต้องเข้าจอดที่จุดจอดเรือ ท่าเรือน้ำลึก จ.ภูเก็ต เพราะไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เนื่องจากลูกเรือไม่ครบตามจำนวนที่ระบุไว้ตามระเบียบความปลอดภัยในการเดินเรือสินค้า หลังจากการสอบสวน และแจ้งความผิดแล้วเสร็จ หลังจากนั้น ร.ล.แหลมสิงห์ ได้ทำการควบคุมเรือลำดังกล่าว ฯ ให้มาจอดบริเวณท่าเรือน้ำลึก เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการขอเข้าประเทศ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ภาพ/ข่าว : อโนทัย งานดี สำนักข่าวเนชั่น จ.พังงา