svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

กมธ.จับขั้วงัดสารพัดสูตรนับคะแนนเลือกตั้งส.ส. หวังคว่ำพรรคชนะแลนด์สไลด์

07 มีนาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปรอทการเมืองระอุขึ้นตามลำดับ จากความพยายามจับขั้วของกมธ.วิสามัญฯ งัดสารพัดสูตรการนับคะแนนส.ส. หวังสกัดพรรคใหญ่ชนะแลนด์สไลด์ แต่พรรคเล็กสูญพันธุ์ งานนี้จะออกมาด้วยสูตรไหน ขัดรธน.หรือไม่ ต้องจับตาอย่ากระพริบ

 

เริ่มเกมกันแรงแล้วสำหรับการพิจารณาของกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพรป.เลือกตั้งส.ส.และร่างพรป.พรรคการเมือง  โดยเฉพาะการคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวน 100 คนว่าจะนำหลักใดมาใช้คำนวณระหว่าง100 คน กับ 500 คน  เพราะบัตรเลือกตั้งส.ส.สองใบนั้น น่าจะมีเรื่องราวให้ชวนติดตามอีกหลายวาระจากคนการเมืองหลายพรรคที่มาทำหน้าที่ผู้ยกร่างกติกาที่จะออกมามีมุมมองหลากหลายทยอยออกมาเรื่อยๆจนกว่าจะตกตะกอนทางความคิด

 

เพราะเรื่องนี้ยังต้องสู้กันว่า จะใช้ระบบ "เขตเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศ" หรือระบบ "พรรคใช้หมายเลขใดหมายเลขหนึ่ง  แต่ผู้สมัครส.ส.ในแต่ละเขตใช้อีกหมายเลขหนึ่ง"  ตรงนี้มีบางพรรคได้ประโยช์ ขณะที่หลายพรรคเสียประโยชน์        ( เนื่องจากตัวแปรหลัก คือ ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งนั้นจะจดจำหมายเลขของแต่ละพรรคที่จะใช้หาเสียงไว้ในใจเป็นหลัก)  แปลขั้นตอนได้ว่าเรื่องราวแบบนี้ "บางพรรคได้เปรียบ บางพรรคเสียเปรียบ" และยากที่จะลงรอยได้สะดวก

 

เพราะเรื่องนี้ยังต้องสู้กันว่า สัดส่วนผลคะแนนที่จะทำให้แต่ละพรรคมีส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งคนนั้น มีตั้งแต่สามแสนเจ็ดหมื่นคะแนนจนถึงการนับปัดเศษที่ทำให้เกิด "ส.ส.หนึ่งคน" ขึ้นมาได้ เพราะกติกาที่เคยเกิดขึ้นนั้นเพื่อให้โอกาสพรรคต่างๆมีสิทธิได้ส.ส.โดยที่ "คะแนนไม่ตกน้ำหรือผู้ชนะกินรวบเพียงฝ่ายเดียว"

 

แต่ไม่ว่าจะพิจารณากันจนได้ผลสรุปออกมาแบบใดนั้นเชื่อเลยว่าเลือกตั้งครั้งหน้า  "พรรคเล็ก พรรคจิ๋ว " เสียเปรียบเต็มประตู

 

อย่าลืมว่า "พรรคใหญ่-พรรคกลาง" ก็เสียส.ส.บัญชีรายชื่อไปจำนวนหนึ่งกับการนับปัดเศษไปปันให้พรรคอื่นๆกับผลการเลือกตั้งคราวที่แล้ว จนแต้มต่อรองหายไปพอสมควรทั้งพรรคฝ่ายค้านและพรรครัฐบาล และมีผลในช่วงต้นของ ครม.เรือเหล็กเพราะส.ส.ที่หนุน "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ในตอนนั้นเสียงปริ่มน้ำยิ่ง  จนเกิดเหตุส.ส.งูเห่าเวอร์ชั่นล่าสุด และเกิดวาทะส.ส.กินกล้วยขึ้นมาเป็นที่ฮือฮาในแวดวงการเมือง 

 

อย่าลืมว่า พรรคเพื่อไทยเสียเปรียบเต็มประตูกับการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อคราวที่แล้ว เพราะพรรคเพื่อไทยไม่มีส.ส.ระบบนี้แม้แต่คนเดียว  

 

โดยตอนนี้พบว่าผู้สมัครส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคที่มียอดส.ส.อันดับหนึ่งของเมืองไทยนั้น เป็น "แกนนำตัวสำคัญของพรรค" ที่หมดโอกาสไปทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร  ดังนั้นการร่างกติกาใหม่ในคราวนี้เชื่อเลยว่าพรรคเพื่อไทยไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์บังเกิดซ้ำรอยแน่นอน

 

อย่าลืมว่าหนึ่งเสียงส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคพึงมี-พึงได้ในช่วงตั้งรัฐบาลนั้น จะพบหลักคณิตศาสตร์การเมืองแบบไทยๆว่า  "หนึ่งส.ส."มีผลยิ่งยวดกับการต่อรองตำแหน่งแห่งหนของแต่ละพรรคว่าจะได้ตาม "อัตราเก้าอี้" ที่เสนอไปหรือไม่

 

ดังนั้น สรุปไว้ตรงนี้ล่วงหน้าเลยว่ากติกาบัตรเลือกตั้งสองใบนั้น พรรคเล็ก - พรรคจิ๋วแทบสูญพันธุ์ และรอดูน้ำหนักวิวาทะทางความคิดของพรรคใหญ่ พรรคกลาง  ขั้วรัฐบาลและขั้วฝ่ายค้านปะทะกันหลายครั้งว่า จะโน้มน้าวเสียงข้างมากในกมธ.เพื่อชิงโอกาสการเขียนกติกาที่เอื้อต่อต้นสังกัดในวันข้างหน้าอย่างไร


อีกทั้ง รอฟังคอมเมนท์ของกูรูการเมืองรวมทั้งพรรคน้องใหม่(แต่แกนนำพรรคนั้นสังคมคุ้นหน้าคร่าตา)ซึ่งไม่มีส่วนร่วมในการเขียนกติกา(ทำได้เพียงแสดงทัศนะข้างเวที) จะสะท้อนมุมมองในแนวทางใดเพื่อให้พรรคต้นสังกัดมีโอกาสบ้าง

 

มองแล้วเกมนี้ไม่มีใครยอมใครในชั้นต้น แต่หากอะไรๆสมประโยชน์ทุกฝ่ายแล้วในวันข้างหน้า รับรองว่า "ฉลุย"

 

เพราะการเมืองนั้นไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร
 

logoline