7 มีนาคม 2565 พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี ว่า คณะกรรมการศึกษาและจัดทำความต้องการฯ ที่มีรองผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธาน ซึ่งได้ประชุมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาภารกิจตามกฎหมาย ยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ข้อมูลและได้กำหนดความต้องการเครื่องบินขับไล่โจมตีที่มีคุณภาพ (Quality Air Force) และมีเทคโนโลยีล้ำสมัย (Cutting-Edge Technology)
พล.อ.ต.ประภาส กล่าวต่อว่า โดยเครื่องบินขับไล่โจมตีที่ต้องการ ต้องมีขีดความสามารถของการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operations) มีการบริหารจัดการข้อมูลอัตโนมัติ ร่วมกับระบบตรวจจับของกองทัพไทยและฝ่ายพลเรือนได้อย่างสมบูรณ์ มีขีดความสามารถโจมตี ต่อต้านทางอากาศ ปฏิบัติกิจเฉพาะพิเศษ ลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ เพิ่มระยะการปฏิบัติการทางอากาศ และการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีสมรรถนะสูงยุคที่ 5 (The 5th Generation Fighter) โดยมีคุณลักษณะ 5 ประการ ได้แก่ Stealth, Super Cruise, Sensor Fusion, Super Maneuverable และ Synergistic Integrated Avionics พร้อมกำหนดข้อพิจารณาประกอบการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน สรุปดังนี้
1.เป็นเครื่องบินที่ได้รับการรับรองมาตรฐานทางทหาร (Military Standard) มาตรฐานจากองค์กรการบินสากล หรือองค์กรมาตรฐานของประเทศผู้ผลิต
2.เครื่องบิน ระบบต่าง ๆ และอุปกรณ์ที่ติดตั้งใช้งาน ต้องผลิตโดยใช้มาตรฐานทางทหาร และผ่านการพิสูจน์การใช้งานแล้ว มีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วไป
3.สามารถผลิตและนำส่งให้แก่กองทัพอากาศ ในกรอบงบประมาณและตามห้วงระยะเวลาการจัดหา
4.มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินขับไล่โจมตีและเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่บุคลากรของกองทัพอากาศ
5.บุคลากรของกองทัพอากาศควรได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการการถ่ายทอดเทคโนโลยี (Offset Scholarship) เพื่อการพัฒนาด้านต่าง ๆ บนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงคุณภาพของกำลังทางอากาศและขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศเป็นสำคัญ เพื่อประโยชน์สูงสุดและความคุ้มค่าในระยะยาว รวมทั้งการปกป้องผลประโยชน์และรักษาความมั่นคงของชาติ