ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศระหว่างการแถลงนโยบายต่อสภาคองเกรสสหรัฐพุ่งเป้าไปยังสมัครพรรคพวกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินว่าสหรัฐและพันธมิตรจะยึดเรือยอร์ช อพาร์ตเมนต์หรูหรา และเครื่องบินส่วนตัวของคนเหล่านี้ ซึ่งหลายคนมีทรัพย์สินเป็นพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพราะสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเครมลิน
ตั้งแต่ปูตินเปิดฉากรุกยูเครน ชาติตะวันตกได้ยึดทรัพย์สินของสมัครพรรคพวกรวมถึงของปูตินในต่างประเทศแล้วรวมถึงห้ามเดินทางเพื่อเป็นการลงโทษชนชั้นนำของรัสเซียและกดดันปูตินให้ยอมถอย ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในการกดดันชนชั้นนำของรัสเซียให้หนาวสะท้านได้ไม่น้อย
เริ่มจากโรมาน อับราโมวิช อภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซียวัย 55 ปีที่มีทรัพย์สินไม่น้อยกว่า 13,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่จำใจต้องประกาศขายสโมสรฟุุตบอลเชลซีที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งแม้อับราโมวิชจะไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีคว่ำบาตร แต่สมาชิกรัฐสภาอังกฤษกำลังกดดันให้ถูกคว่ำบาตรซึ่งทำให้อภิมหาเศรษฐีคนนี้ต้องทะยอยขายทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอนเพราะเกรงว่าจะถูกคว่ำบาตร
คนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดาเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพล ไม่ใช่แค่คนในรัฐบาลเท่านั้น แต่เพราะโลกนี้มีเทคโนโลยีโซเชียลมีเดียอย่าง Twitter bot ของเด็กวัย 19 คนหนึ่งในฟลอริด้าที่สนใจเกาะติดความเคลื่อนไหวของเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ประมาณ 40 ลำที่เชื่อมโยงกับคนวงในของปูติน เช่นเดียวกับที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อต้นปีนี้เมื่อเด็กคนนี้ปฏิเสธคำขอร้องของอีลอน มัสค์ให้หยุดติดตามความเคลื่อนไหวของเครื่องบินเจ็ตของซีอีโอเทสล่า
CNBC รายงานว่าต้นสัปดาห์นี้พบว่ามีซูเปอร์ยอร์ชอย่างน้อย 4 ลำของบรรดาอภิมหาเศรษฐีรัสเซียที่ใกล้ชิดปูตินมุ่งหน้าไปยังมอนเตนีโกรและมัลดีฟซึ่งอยู่ในมหาสมุทรอินเดียและไม่มีสนธิสัญญาข้ามแดนกับสหรัฐ ทำให้กลายเป็นสวรรค์ของบรรดาอภิมหาเศรษฐี
แต่โชคร้ายสำหรับชนชั้นนำของรัสเซียยังมีอยู่ ที่ที่คิดว่าปลอดภัยก็กลายเป็นสถานที่อันตรายมากขึ้น โมนาโคซึ่งเป็นเกาะเล็กๆในฝั่งริเวียร่าของฝรั่งเศสที่กลายเป็นบ้านของมหาเศรษฐีรัสเซียก็เห็นด้วยกับการคว่ำบาตรของอียูแล้วเช่นเดียวกับสวิตเซอร์แลนด์ที่เคยยืนหยัดความเป็นกลางมาตลอดก็ประกาศปิดน่านฟ้าไม่รับเครื่องบินของรัสเซียและห้ามคนในเครือข่ายปูตินเข้าประเทศ
แน่นอน การคว่ำบาตรอาจไม่ง่ายหรือได้ผลอย่างฉับไวเพราะบรรดามหาเศรษฐีย่อมมีทางหนีทีไล่ พลิกแพลงการมีอยู่ของทรัพย์สินในชื่อของคนอื่นอยู่มากมาย คุณอาจจะยึดเรือ ยึดเครื่องบิน ฯลฯ แต่คนเหล่านี้ยังมีเงินอยู่ทั่วโลก ประเมินกันว่าต่อให้ทรัพย์สินถูกยึดไป 75 เปอร์เซ็นต์ แต่ทรัพย์สินของคนเหล่านี้ก็ยังมีมากกว่าที่คนทั้งโลกมี แรงกดดันมีผลในทางจิตวิทยาแต่อาจไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินในทันที
กรณีนี้เกิดขึ้นแล้วกับมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลของรัสเซีย 2 คนคือมิคาอิล ฟริดแมนและโอเลค เดริปาสก้าซึ่งรีบถอยออกมาจากคนวงในของเครมลินและออกมาเรียกร้องให้รัสเซียหยุดรุกรานยูเครน หยุดการนองเลือด
ฟริดแมนเป็นประธานของ Alfa Group ที่ทำธุรกิจทั้งด้านธนาคาร ประกันภัย ค้าปลีกและน้ำแร่ ส่วนเดริปาสก้ามั่่งคั่งร่ำรวยจากธุรกิจอลูมิเนียม
ทั้งสองคนเห็นตรงกันว่าสันติภาพสำคัญมากและต้องเจรจากันโดยเร็วที่่สุด