เปิดถ้อยแถลง “ไทย” ในยูเอ็นท่าทีต่อสงคราม ”ยูเครน-รัสเซีย”

จากกรณีที่ “รัสเซีย” ทำปฏิบัติการทางทหารในการรุกราน “ยูเครน” จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมากซึ่งต่อมาสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ได้ทำการลงมติครั้งประวัติศาสตร์ ประณามรัสเซียรุกรานยูเครน และขอให้ถอนกำลังทหารทั้งหมดออกไปทันที นับเป็นการสะท้อนว่ารัสเซียถูกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ท่าทีของไทย ดร. สุริยา จินดาวงษ์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กกล่าวในเวทีประชุมว่า

1.ประเทศไทยมีความกังวลอย่างรุนแรงต่อการต่อสู้และความรุนแรงที่เลวร้ายลง เนื่องจากการใช้กำลังทหารในยูเครน ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิต รวมถึงพลเรือนผู้บริสุทธิ์และการทำลายทรัพย์สิน ทำลายโครงสร้างพื้นฐาน บ้านเรือนของพลเมือง

2.รัฐมนตรีว่าต่างประเทศอาเซียน ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2022 ตั้งแต่นั้นมา การต่อสู้ทางอาวุธยังคงดำเนินต่อไปและมีผู้เสียชีวิต ที่รวมถึงพลเรือนด้วยยังคงเพิ่มขึ้น

3.สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมของผู้ลี้ภัยและผู้ที่หลบหนีจากการต่อสู้นั้นน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษ ไทยชื่นชมประเทศเพื่อนบ้านของยูเครนและรัฐอื่น ๆ สำหรับการดำเนินการอย่างรวดเร็วในการระดมความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน ในส่วนของเรา ประเทศไทยจะพยายามอย่างเต็มที่ในตอบสนองความต้องการด้านมนุษยธรรมเร่งด่วนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งโดยตรงและผ่านการให้ความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศที่ยึดถือแนวทางแบบเดียวกัน

4.ประเทศไทยยึดมั่นกับหลักการที่กำหนดไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องของอำนาจอธิปไตย เขตปกครอง ความซื่อสัตย์มั่นคงและเอกราชทางการเมืองของรัฐ และการหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงหรือภัยคุกคาม การใช้กำลังต่อรัฐอื่น เราจึงเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงและการต่อสู้ทางอาวุธทันที สถานการณ์ที่ร้ายแรงขึ้นจะก่อให้เกิดผลกระทบที่เป็นวงกว้างมากขึ้นต่อโลก ทำให้ผลกระทบด้านมนุษยธรรมรุนแรงขึ้นและคุกคามสวัสดิภาพของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวที่เปราะบางจากโรคระบาด COVID-19

5.ประเทศไทยจึงขอรื้อฟื้นข้อเรียกร้องของเราให้มีการเจรจา และการต่อรองเพื่อหาข้อตกลงแบบสันติภาพและการแก้ไขอย่างยั่งยืนผ่านสหประชาชาติ กลไกทางศาสนา หรือผ่านรูปแบบที่ยอมรับร่วมกันได้ ในกรณีเราสนับสนุนความพยายาม ในการพูดคุยระหว่าง 2 ฝ่าย  ที่เกี่ยวข้อง และรอคอยให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ผลลัพธ์ที่ดี

6.ในฐานะประเทศที่รักสันติภาพ ประเทศไทยมีความเชื่อมั่นในความดีอย่างยั่งยืน ท่ามกลางประชาชาติและความเมตตาของมนุษยชาติ ดังนั้นเราจึงจะยังคงหวังว่าเส้นทางแห่งสันติภาพ การปรองดอง และความดีงามจะเป็นฝ่ายชนะในท้ายที่สุด