ยูเอ็นลงมติประณามรัสเซีย-กดดันถอนทหารทันที

สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติลงมติด้วยเสียงท่วมท้น 141 เสียงจาก 193 เสียงเห็นชอบมติประณามปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียที่รุกรานยูเครนในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันพุธ และเรียกร้องให้รัสเซียยุติการสู้รบ และถอนทหารทั้งหมดออกจากยูเครนทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข แต่มีเสียงคัดค้าน 5 เสียง ได้แก่ รัสเซีย เบลารุส ซีเรียเกาหลีเหนือ และเอริเทรีย และงดออกเสียงอีก 35 เสียง  ซึ่งรวมถึงจีนและอินเดียตามที่คาดไว้

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเคยขอให้จัดการประชุมฉุกเฉินของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2525 แม้มติของสมัชชาใหญ่ไม่มีผลผูกมัดทางกฎหมาย แต่สะท้อนถึงจุดยืนของประชาคมโลก และมติครั้งนี้ถือป็นชัยชนะของยูเครน และเพิ่มการโดดเดี่ยวต่อรัสเซียมากยิ่งขึ้น เพราะแม้แต่พันธมิตรของรัสเซียบางชาติก็ลงมติสนับสนุนหรืองดออกเสียง

ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวโน้มน้าวที่ประชุมว่า ให้ลงมติสนับสนุนการประณามรัสเซีย หากเชื่อว่า ชาติสมาชิกยูเอ็นมีสิทธิในอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดน และเชื่อว่า รัสเซียควรได้รับผลลัพธ์จากการกระทำของตัวเอง โดยเธออ้างถึงวิดีโอที่เผยให้เห็นทหารรัสเซียเคลื่อนย้ายอาวุธหนักเข้าไปในยูเครน รวมถึง ระเบิดพวงและระเบิดสูญญากาศ ที่เป็นอาวุธต้องห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศ 

เซอร์กี คิสลิตซยา  เอกอัครราชทูตยูเครน กล่าวต่อที่ประชุมก่อนการลงมติว่า กองทัพรัสเซียมุ่งทำลายสิทธิการดำรงอยู่ของยูเครน และก่ออาชญากรรมที่ยากจะเข้าใจได้

ขณะที่วาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซีย ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า กองทัพพุ่งเป้าโจมตีพลเรือนในยูเครน และกล่าวหาว่า กองทัพยูเครนใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์และใช้อาวุธหนักในพื้นที่พลเรือน 

และระหว่างการประชุม ผู้สนับสนุนมติติดป้ายข้อความว่า #TodayWeAreAllUkraine ด้วยสีน้ำเงินและเหลืองตามสีธงชาติยูเครน ใต้ป้ายชื่อประเทศของตัวเองเพื่อสะท้อนว่าทุกประเทศเป็นหนึ่งเดียวกับยูเครน

อันโตนิอู กูแต์เรส เลขาธิการยูเอ็น บอกกับผู้สื่อข่าวหลังการลงมติด้วยว่า สมัชชาใหญ่ได้ส่งสารที่ดังและชัดเจน คือ "ยุติการสู้รบในยูเครนเดี๋ยวนี้ หยุุดเสียงปืนเดี๋ยวนี้ เปิดประตูสำหรับการเจรจาและวิถีการทูตเดี๋ยวนี้"

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า ผลมติของยูเอ็นสะท้อนถึงความโกรธเคืองของประชาคมโลกต่อการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของรัสเซียต่อชาติอธิปไตย และสะท้อนถึงเอกภาพของโลกอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน 

ขณะที่ยูเอ็น รายงานล่าสุดว่า มีพลเรือนเสียชีวิต 227 รายและผู้บาดเจ็บ 525 คนในยูเครนจากปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียนาน 7 วัน และประชาชนกว่า 1 ล้านคนลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน