2 มีนาคม 2565 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อขอใช้สิทธิ์เข้าถึงและคัดข้อมูลข่าวสารของทางราชการ เกี่ยวกับกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เนื่องจากมีความสำคัญต่อการแก้ปัญหาราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า แม้จะมีหลายคนเสนอทางเลือกในการแก้ปัญหา แต่ทั้งหมดไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ดังนั้นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหา คือ การเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด
โดยข้อมูลที่ขอมี 3 ส่วนคือ บันทึกการประชุมของคณะกรรมการเจรจาที่มาจากคำสั่งของ คสช.(คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เกึ่ยวกับการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมด เช่น การประเมินจำนวนผู้โดยสาร การประมาณการณ์รายได้จากค่าโดยสารและรายได้อื่น หนี้คงค้างกับบีทีเอส หนี้คงค้างกับ รฟม.(การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) มีรายการอะไร จำนวนเท่าไหร่ รายละเอียดค่าปรับ ดอกเบี้ยต่างๆ ที่สำคัญคือ
“ร่างสัญญาในการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะจะทำให้แก้ปัญหาราคาค่าโดยสารแพง และยังสามารถถอดบทเรียนให้รอบคอบ รัดกุมในการทำสัญญากับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งการขอข้อมูลทั้งหมดถือเป็นก้าวแรกที่เป็นรูปธรรมที่สุด ตนกลัวว่าเรื่องนี้จะผ่านไปก่อนมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.”
นายวิโรจน์ ชี้แจงต่อ หลังจากได้ข้อมูลมา จะเปิดเผยต่อสาธารณชนทันที ส่วนการเปิดเผยสัญญารถไฟฟ้า จะเหมือนกับตอนที่รัฐเปิดเผยสัญญาวัคซีนโควิด-19 ที่มีการปิดข้อความบางส่วนหรือไม่นั้น ต้องลองดู แต่ตนคิดว่า ประชาชนเข้าใจรายละเอียดทางเทคนิคได้ และควรรู้ในส่วนของการคิดค่าโดยสาร
นอกจากนี้นายวิโรจน์ ยังมองว่า เรื่องนี้เป็นโจทย์ใหญ่ของผู้ว่าฯ กทม. รัฐบาล และประชาชน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เพราะเงินที่ใช้ในการก่อสร้างมาจากภาษีประชาชน แต่คนกรุงเทพฯอาจได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะเป็นผู้ใช้งาน พร้อมยืนยันจุดยืนชัดเจนว่า หากไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด ไม่ควรต่อสัญญา ผู้ว่าฯกทม. ก็ห้ามเซ็น และที่สำคัญคือ ต้องการเห็นตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วม ยกเว้นการเก็บค่าโดยสารซ้ำซ้อน
ทั้งนี้ หากรัฐบาลพยายามดันเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้มีการต่อสัญญาสัมปทาน ตนมองว่ารัฐบาลจะดันได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนยังไม่รู้รายละเอียด เป็นไปไม่ได้ที่จะตีเช็คเปล่า ประชาชนทุกคนต้องร่วมกันเรียกร้อง
ส่วนกรณีมีรายงานสัปดาห์หน้า ครม. จะมีการรายงานรับทราบกำหนดวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้น ตนคาดว่าสิ้นเดือนมีนาคมนี้ จะสรุปรวบรวมนโยบายได้ทั้งหมด แล้วจัดทำออกมาเป็นเล่ม แต่สิ่งที่ยังกังวลคือ เรื่องสัมปทานรถไฟฟ้าจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ดังนั้นจึงไม่ต้องรอให้ใครมาเป็นผู้ว่าฯกทม. ขอดำเนินการในฐานะประชาชน พร้อมตั้งคำถามกลับว่าประชาชนมีสิทธิ์รู้รายละเอียดสัญญาหรือไม่