วันนี้ (28 ก.พ.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไลฟ์สดแลกเปลี่ยนความเห็น และตอบทุกคำถามคาใจแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยช่วงหนึ่งได้พูดถึงสถานการณ์การเมืองไทย และสถานการณ์โดยรวม โดยระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์ในประเทศไทยตลอด และยังคงห่วงพี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ราคาข้าวของสินค้าที่แพงขึ้น ในช่วงเกิดโควิด-19 ระบาด เป็นเหมือนการซ้ำเติม แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะอยู่ไกลและไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว
นายเสกสกล กล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะช่วยได้คือช่วยสงบปากสงบคำ ก็จะเป็นบุญคุณกับประเทศและประชาชนแล้ว เพราะสิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพี่ชาย นายทักษิณ ชินวัตร ได้ทำไว้มันหนักหนาสาหัสมาก ประชาชนทำมาหากินลำบาก สิ้นเนื้อประดาตัว เป็นหนี้เป็นสิน บางคนไม่มีทางออกจนต้องตัดสินใจจบชีวิตตนเอง
นายเสกสกล กล่าวว่า ฟังการพูดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้วก็ถือว่า น่าสงสารอยู่เหมือนกัน เพราะระเห็จออกจากประเทศไทย ไม่มีแผ่นดินไทยให้เหยียบถึง 4 ปีแล้ว และคิดว่าก็คงจะตลอดไป ซึ่งก็เป็นการทำตัวเองทั้งนั้น ทำผิดแล้วไม่กล้าที่จะออกมายอมรับความจริง ไม่ยอมรับขบวนการยุติธรรม แต่เลือกที่จะหนีคดีตามรอยพี่ชาย และมาคอยจ้อผ่านช่องทางสื่อโซเชียลฯ ต่าง ๆ แซะประเทศที่ตัวเองทำจนพินาศย่อยยับแบบนี้
คอยแต่จะด้อยค่าคนอื่น จนลืมมองตัวเอง แล้วจะมาร้องโอดโอยครวญเสียงสั่นเครือ อยากกลับบ้าน ๆ มันไม่มีประโยชน์ ถ้าคิดว่าตัวเองเลิศเลอนักก็กลับมา กลับมารับโทษ กับสิ่งที่ตัวเองและพี่ชายได้ทำไว้ ไม่แน่ใจประชาชนเขาอาจจะให้อภัยก็ได้ แม้ว่าจะฝังใจกับความเลวร้ายที่สองพี่น้องทำไว้ก็ตาม แต่เงื่อนไขคือต้องมาติดคุกก่อน
ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาท้าทาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า ถ้าเจอหน้าจริง ๆ กล้าคุยหรือไม่นั้น นายเสกสกล กล่าวว่า ตนในฐานะทำงานใกล้ชิดนายกฯ มาตลอด ขอตอบแทนได้เลยว่า ชายชาติทหารอย่างนายกฯ ไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว ขนาดปัญหาหนัก ๆ ที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์และรัฐบาลนายทักษิณที่ทำเละเทะไว้ ก็ยังมาเก็บกวาดจนคลี่คลาย หลายปัญหา
ตอนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ และ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง รู้เรื่องอะไรบ้างในเรื่องการบริหารประเทศ แค่ทำตัวเป็นตุ๊กตาให้พี่ชายคอยชักใยอยู่ตลอดเวลา แล้วยังจะกล้ามาท้าทาย แต่ก็เข้าใจดีว่า ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล้าพูดแบบนี้ก็เพราะตัวอยู่ต่างประเทศส่งมาแต่เสียง ซึ่งใคร ๆ ก็ทำได้ จะพูดอย่างไรก็ได้
"แน่จริงก็กลับมาประเทศไทยดีกว่า เอาความจริงมาสู้กัน แต่ถ้าไม่กล้ามาก็อย่ามาพูดให้เปลืองน้ำลาย เหม็นขี้ปากเปล่า ๆ ไม่ต้องมาพูดว่าจะต้องทำโครงการต่อเนื่องอะไรบ้าง เพราะแค่โครงการรับจำนำข้าวที่ทุจริตเป็นหมื่นล้านก็จุกอกแล้ว และตนเคยเตือนแล้วว่าอย่าพูดอะไรดีกว่า เพราะยิ่งพูดก็จะยิ่งเข้าตัวแต่ก็ไม่เชื่อ
หรือคิดว่าต้องออกมาแหกปากเพื่อช่วยมวลสมาชิกของตัวเองที่คิดว่าใกล้เลือกตั้งแล้ว จึงคิดว่าต้องออกมาเสนอหน้าให้ประชาชนเห็นหน่อยจะได้ไม่ลืม ซึ่งตนว่าอาจจะตรงข้ามก็ได้ เพราะประชาชนอาจจะอยากปาเครื่องมือสื่อสารของตัวเองทิ้ง เพราะไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้าอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เพราะฉะนั้นทำตัวนิ่ง ๆ เก็บแรงไว้เลี้ยงหลานดีกว่า" นายเสกสกล กล่าว