svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ยธ.-ดีเอสไอ เดินหน้าคดีทุจริตในชุมนุมสหกรณ์น้ำมันปาล์มกระบี่

26 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กระทรวงยุติธรรมเดินหน้าคดีทุจริตในชุมนุมสหกรณ์น้ำมันปาล์มกระบี่ ตั้งรองอธิบดีดีเอสไอ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ด้านกรมส่งเสริมสหกรณ์ขานรับพร้อมเป็นพยาน และชี้เป้า

ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ เมื่อปลายปี 2564 รับเรื่องโดยตรงจากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารงานผิดพลาดของชุมนุมสหกรณ์น้ำมันปาล์มกระบี่ จนประสบปัญหาขาดทุน และต้องปิดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม

 

เนื่องจากกรรมาธิการน้ำมันปาล์ม สภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นหนังสือให้กระทรวงยุติธรรม ใช้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้ทุจริตและเพื่อแก้ปัญหาให้เกษตกรชาวสวนปาล์ม นั้น

ยธ.-ดีเอสไอ เดินหน้าคดีทุจริตในชุมนุมสหกรณ์น้ำมันปาล์มกระบี่

 

รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งว่า นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนนี้ โดยแต่งตั้ง พ.ต.ต.ยุทธนา เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ เป็นรองหัวหน้าพนักงานสอบสวน และ ขับเคลื่อนสำนวนโดย พ.ต.ท.บรรจบ อยู่ยืนยง รองผู้อำนวยการกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ  นายศุภชัย คำคุ้ม ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษพื้นที่ 8 และมีพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาค 8 ร่วมรับผิดชอบสำนวนการสอบสวน

ยธ.-ดีเอสไอ เดินหน้าคดีทุจริตในชุมนุมสหกรณ์น้ำมันปาล์มกระบี่

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง มติคณะกรรมการคดีพิเศษ ให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ด้วยคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีการประชุมครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 และที่ประชุมได้มีมติตามมาตรา 21  วรรคหนึ่ง (2 ) ประกอบมาตรา 10 (3)  แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษที่ต้องสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547  จำนวน 5 เรื่อง โดยกรณี การทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด เป็น 1 ใน 5 คดี

นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์   ให้ตนรับผิดชอบในกรณีนี้ ซึ่ง กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เข้าไปแก้ปัญหาในทุกระดับชั้น เป้าหมายเพื่อต้องการให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของชุมนุมสหกรณ์น้ำมันปาล์มกระบี่ สามารถบริหารงานต่อไปได้ด้วยความโปร่งใส่ และกลับมาเปิดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและรับซื้อผลปาล์มจากสมากชิกสหกรณ์ต่างๆ ซึ่งสมาชิกแต่ละสหกรณ์ที่รวมตัวกันนำผลปาล์มมาขายให้สหกรณ์และสหกรณ์ได้นำมาขายให้ชุมนุมสหกรณ์ นั้น ล้วนแต่เป็นเกษตรกรชาวสวนปาล์ม  ซึ่งหากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของชุมนุมสหกรณ์สามารถดำเนินกิจการไปได้ก็ส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม มีวงจรที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตั้งแต่ปลูก ตัดขาย จนกระทั้งสกัดและออกมาเป็นผลผลิตน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นวงจร ที่สามารถควบคุมราคาได้  ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์ม หรือผลิตภัณฑ์ปาล์มสามารถกำหนดราคาได้โดยเกษตรกร

ยธ.-ดีเอสไอ เดินหน้าคดีทุจริตในชุมนุมสหกรณ์น้ำมันปาล์มกระบี่

“เป็นการช่วยเหลือแก้ปัญหาให้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม จำเป็นต้องสนับสนุนสหกรณ์และชุมนุมสหกรณ์ให้เดินต่อไปได้  ส่วนเรื่องคดีความกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยินดีที่จะเข้าไปเป็นพยานในคดีให้ และพร้อมจะชี้ประเด็นต่างๆ ที่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กิจการชุมนุมสหกรณ์เสียหาย  เพื่อให้สามารถคลีคลายการทุจริตในการบริหารและจะได้เป็นบรรทัดฐานกับสหกรณ์อื่นๆ ด้วย”

 

ขณะที่นายสมชาย  เทพจิตร ประธานชุมนุมสหกรณ์น้ำมันปาล์มกระบี่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของชุมนุมสหกรณ์ฯ พยายามจะช่วยตัวเองตามที่ต้นทุนมี อย่างเช่นมีโรงงาน มีบุคลากร และมีแหล่งวัตถุดิบคุณภาพ  ซึ่งช่วงที่หยุดรับซื้อผลปาล์มได้เตรียมความพร้อมทั้งโรงงานซึ่งได้ซ่อมบำรุงเครื่องจักรและบุคลากร และในห้วงเวลาที่ผ่านมาก็พยายามจะหาพันธมิตรคู่ค้าเพื่อจะให้ลงทุนในการซื้อผลปาล์มมาเพื่อเดินเครื่องสกัดน้ำมันปาล์ม   ซึ่งเป็นการทำธุรกิจซื้อขายล่วงหน้าโดยได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัทไทยอินโดปาล์มออยล์แฟคทอรี

 

ขณะนี้ โรงงานสามารถเดินเครื่องได้ เป็นหนทางที่จะสามารถให้ขับเคลื่อนกิจการของชุมนุมสหกรณ์และสหกรณ์ต่างๆ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์มและราคาผลปาล์มสด
            

สำหรับหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน คดีนี้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อดีต เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 49 เคยรับราชการอยู่ที่ตำรวจกองปราบปราม ก่อนโอนย้ายมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษในปี 2547 ขึ้นเป็นรองอธิบดีที่กรมคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพ ก่อนนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม จะมีคำสั่งย้ายกลับมากรมสอบสวนคดีพิเศษ ถือว่า เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ที่มุ่งมั่นทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่สำคัญบุคคลหนึ่ง

logoline