svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

โดเนตสก์และลูฮานสก์ รัฐลึกลับที่ยากจะเข้าถึง

24 กุมภาพันธ์ 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การหนุนหลังได้ยึดครองพื้นที่โดเนตสก์และลูฮานสก์ซึ่งอยู่ในภูมิภาคดอนบาส ทางด้านตะวันออกของยูเครนมานานเกือบ 8 ปีแล้ว

โดเนตสก์และลูฮานสก์

 

แต่ประธานาธิบดีปูตินเพิ่งให้การรับรองเป็นรัฐเอกราชเมื่อวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาถือเป็นการเปิดทางให้สามารถส่งทหารรัสเซียเข้าไปในเขตยึดครองของฝ่ายกบฏซึ่งกินพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของโดเนตสก์และลูฮานสก์

 

ขณะนี้มีเพียงคิวบา เวเนซูเอลา นิคารากัวและซีเรียเท่านั้นที่ให้การยอมรับ 2 รัฐนี้ นอกจากนั้นก็มีเซาธ์ออสเซเชียและอับคาเซียที่แยกตัวออกมาจากจอร์เจียให้การรับรอง

 

คำถามในขณะนี้ก็คือรัสเซียจะให้การยอมรับเขตแดนที่มีอยู่ในขณะนี้หรือจะเหมารวมเขตดั้งเดิมทั้งหมดไม่ใช่แค่เขตที่กบฏยึดครอง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็อาจจะเกิดสงครามที่ขยายวงกว้างระหว่างรัสเซียกับยูเครน


อังเดร รูเดนโก้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียแถลงว่าขณะนี้รัสเซียให้การยอมรับเขตแดนซึ่งผู้นำของโดเนตสก์และลูฮานสก์มีอำนาจในการปกครองเท่านั้น ดังนั้นยังจะต้องแก้ปัญหาเรื่องพรมแดนต่อไป

รูปปั้นสูง 13.5 เมตรของวลาดิมีร์ เลนิน

แนวคิดในการปกครองของทั้ง 2 รัฐยังเป็นแนว Neo-Stalinism ทุกวันนี้ยังมีรูปปั้นสูง 13.5 เมตรของวลาดิมีร์ เลนินอยู่ใจกลางเมืองหลวงของโดเนตสก์ มีรัฐธรรมนูญซึ่งตกทอดมาตั้งแต่โจเซฟ สตาลินโดยใช้มาตั้งแต่ทั้ง 2 รัฐแยกตัวออกมาจากรัฐบาลกลางยูเครนในปี 2014 และยังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการประหารชีวิต และเกือบ 8 ปีที่่ผ่านมาลักษณะการปกครองของทั้ง 2 รัฐออกแนวเผด็จการเช่นเดียวกับเกาหลีเหนือ

 

สตานิสลาฟ อาซีเยฟ นักหนังสือพิมพ์ซึ่งถูกลักพาตัวในเมืองโดเนตสก์เมื่อปี  2017 และถูกฝ่ายกบฏตัดสินจำคุก 15 ปีโทษฐานจารชนกล่าวกับอัลจาซีร่าว่า แทบเป็นไปไม่ได้ที่ชาวต่างชาติจะเข้าไปใน 2 รัฐนี้

ชาวยูเครนที่มีญาติพี่น้องอยู่ในโดเนตสก์และลูฮานสก์เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้แต่จะต้องอ้อมไปทางรัสเซียใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 ชั่วโมงและต้องเสียเบี้ยไบ้ลายทางหรือติดสินบนเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 ดอลลาร์ และต้องลงทะเบียนเมื่อไปถึงเฉกเช่นยุคโซเวียต มีตำรวจลับและชาวเมืองที่ภักดีคอยติดตามทุกคำพูด ทุกการโทรและส่งข้อความ ใครต่อต้านหรือนักธุรกิจคนใดที่ไม่ยอมบริจาคทรัพย์สินตามความต้องการของสาธารณรัฐประชาชน จะต้องถูกนำตัวไปอยู่คุกใต้ดินหรือค่ายกักกันที่มีอยู่เป็นจำนวนมากโดยไม่มีการพิจารณาคดี  ไม่ต่างจากค่ายกักกันกูแลคในสหภาพโซเวียตในยุค 1930

 

อาซีเยฟเล่าว่าเขาถูกทรมาณอยู่ในคุกใต้ดินเกือบ 2 ปีจนกระทั่งฝ่ายกบฏมีการแลกเปลี่ยนนักโทษเมื่อปี 2017 จึงได้ออกมา แต่ยังมีคนอีกนับพันที่ยังถูกจองจำอยู่

 

นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนในโดเนตสก์และลูฮานสก์นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าในรัสเซียเสียอีก ขณะที่มาตรฐานการครองชีพก็ย่ำแย่กว่าช่วงปี 2013 ที่เริ่มมีการทำสงครามแบ่งแยกดินแดนหลายเท่า แต่ 2 รัฐนี้อุดมไปด้วยถ่านหินและแร่ธาตุจนมีชาวต่างชาติโดยเฉพาะจากอังกฤษเข้าไปทำเหมืองและสร้างโรงงานถลุงเหล็กมาตั้งแต่ยุคก่อตั้งรัฐทั้งสอง


เมื่อสหภาพโซเวียตกลายเป็นคอมมิวนิสต์ได้มีการขยายการพัฒนาเข้าไปยัง 2 รัฐนี้และมีชาวรัสเซียนับหมื่นคนเข้าไปตั้งรกราก ทำให้ย่านใจกลางเมืองเต็มไปด้วยชาวรัสเซียที่พูดภาษารัสเซีย ธุรกิจเหมืองและถ่านหินเติบโตมากขึ้น มีโรงงานเคมีและโรงไฟฟ้าเกิดขึ้นมากมาย

Viktor Yanukovych

ยุครุ่งเรืองทางการเมืองของโดเนตสก์เริ่มขึ้นในปี 2010 เมื่อวิคเตอร์ ยานูโควิชซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีของยูเครนและนำสมัครพรรคพวกเข้าสู่กรุงเคียฟของยูเครน พยายามกุมอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของยูเครนแต่ต้องเจอกับการประท้วงซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2013 จนสิ้นสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2014 เมื่อรัฐสภายูเครนลงมติขับยานูโควิชออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี


การประท้วงในครั้งนั้นถูกเรียกขานว่าเป็นการ "ปฏิวัติแห่งเกียรติยศ" แต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินกลับเรียกว่าเป็น "รัฐประหาร"

ปฏิวัติแห่งเกียรติยศ

ในสมัยพระเจ้าซาร์ ดินแดนแห่งนี้มีชื่อว่า "โนโวรอสซิย่า (Novorossiya)" ซึ่งแปลว่ารัสเซียใหม่ ซึ่งต่อมาในปี 2014 เครมลินได้เรียกขานว่า "Russia Spring" หรือการปลดปล่อยประชาชนในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนที่พูดภาษารัสเซีย แต่การลุกขึ้นต่อสู้ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองคาร์คีฟซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนและในเมืองโอเดซ่าซึ่งเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในทะเลดำ ประสบความล้มเหลว ทำให้อาสาสมัครชาวรัสเซียหลายพันคนหลั่งไหลเข้าไปยังโดเนตสก์และลูฮานสก์และเข้าร่วมกับกองกำลังแบ่งแยกดินแดน โดยคนในพื้นที่ยังชื่นชอบคำว่า Russia Spring  และคาดหวังว่าประธานาธิบดีปูตินจะเข้ามาช่วยฟื้นฟู

"Russia Spring" หรือการปลดปล่อยประชาชนในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครนที่พูดภาษารัสเซีย

อดีตประธานาธิบดีเปโตร โปโรสเชนโก้ซึ่งนิยมชาติตะวันตกและก้าวขึ้นสู่อำนาจหลังการปฏิวัติแห่งเกียรติยศยอมรับว่าเขาได้ใช้เงินของรัฐบาลมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อถ่านหินจากโดเนตสก์ในช่วงฤดูหนาวปี 2014-2015 ไม่ใช่นั้นชาวยูเครนครึ่งประเทศอาจหนาวตาย ขณะที่รัฐบาลรัสเซียก็ยังต้องอุ้ม 2 รัฐนี้ด้วยเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี

 

อเล็กซี่ เคิร์ช นักวิเคราะห์ของยูเครนกล่าวว่าผลพลอยได้จากการที่รัสเซียรับรองเอกราชของ 2 รัฐนี้ ถ้าจะดูในมุมของเป้าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคดอนบาสก็คือต้นทุนในการให้การคุ้มครองจะลดลงและรัสเซียสามารถจะตัดคนกลางที่ได้ประโยชน์จากการส่งออกถ่านหินและเหล็กกล้ารวมถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ตกเข้าไปอยู่ในกระเป่าของคนกลางหรือในตลาดมืด เบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึง 70 เปอร์เซ็นต์

logoline