ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศเมื่อวันอังคารว่า เวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากหาทางยุติสงคราม และเขาพร้อมเจรจาทั้งในรูปแบบทวิภาคี หรือ มีผู้นำชาติอื่น ๆ เข้าร่วมด้วย เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดในขณะนี้ หลังจากรัสเซียได้เคลื่อนกำลังพลเข้าสู่โดเนตสก์ และ ลูฮันสก์ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏในภาคตะวันออกของยูเครน และรัสเซียเพิ่งให้การรับรองสถานะรัฐเอกราชเมื่อวันจันทร์
นอกจากนี้เขามองว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องระดมสรรพกำลังครั้งใหญ่ จึงสั่งการให้เรียกทหารกองหนุนเพื่อประจำการในระยะเวลาจำกัดเท่านั้น เพื่อเสริมความพร้อมให้กับกองทัพ และการซ้อมรบจะจัดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะเดียวกันเขาประกาศมาตรการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนภารกิจของกองทัพ โดยจะใช้มาตรการลดหย่อนทางภาษีเพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการผลิตและอุตสาหกรรมอื่นๆ ยังคงอยู่ในยูเครนต่อไป และจะลดราคาน้ำมันตามสถานีบริการต่าง ๆ ด้วยการลดภาษีเชื้อเพลิง
เขายังเรียกร้องให้พรรคการเมืองทั้งหมดละวางเป้าหมายของตัวเองเพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์โดยรวมของชาติ เพื่อสนับสนุนเอกภาพของรัฐบาล โดยบอกว่า "พรรคและนักการเมืองทั้งหมดล้วนมีสีเดียวกัน คือ ฟ้าและเหลือง ที่เป็นสีธงชาติ"
ถ้อยแถลงของผู้นำยูเครนมีขึ้นหลังจากสื่อตะวันตกรายงานว่า ทหารรัสเซียมากกว่า 10,000 นายเคลื่อนพลเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์แล้ว แม้ว่าประธานาธิบดีปูตินเลี่ยงที่จะยืนยันว่า มีทหารรัสเซียเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวแล้วหรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวซักถามปูตินว่า ทหารรัสเซียจะมีขอบเขตภารกิจในดินแดนยูเครนมากน้อยแค่ไหน หลังวุฒิสภาให้อำนาจส่งทหารไปปฏิบัติการนอกประเทศได้ เขาตอบเพียงว่า "ผมไม่ได้พูดว่าทหารจะถูกส่งไปประจำการที่นั่นเดี๋ยวนี้หลังการประชุม" แต่ก็บอกว่าภารกิจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในพื้นที่
ก่อนหน้านั้นวาเลนตินา มัตเวียนโก ประธานวุฒิสภา บอกว่า ทหารจะปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพในโดเนตสก์และลูฮันสก์เท่านั้น