กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกแถลงการณ์ในวันนี้ระบุว่า กองทัพได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทางทหารในยูเครน โดยใช้อาวุธที่มีความแม่นยำทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร ระบบป้องกันภัยทางอากาศ สนามบินและเครื่องบินของกองทัพ นอกจากนี้กองทัพยืนยันว่า รัสเซียไม่ได้โจมตีเมืองต่างๆ ในยูเครนอย่างที่มีรายงานข่าว และพลเรือนยูเครนไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน โพสคลิปในโซเชียลมีเดีย ยืนยันว่า เป้าหมายทางทหารถูกโจมตี และเขาได้ประกาศกฎอัยการศึกทั่วทั้งประเทศแล้ว พร้อมทั้งขอให้ชาวยูเครนอยู่ในความสงบ และอย่าออกจากบ้านเรือน รวมทั้งให้ความมั่นใจว่า ยูเครนแข็งแกร่ง และสามารถชนะทุกคน
ขณะเดียวกัน ดมิทรี คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน อ้างว่า รัสเซียเปิดฉากการสู้รบอย่างเต็มรูปแบบแล้ว และโจมตีเป้าหมายทางทหารในยูเครน หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียมีคำสั่งให้กองทัพเริ่มใช้ปฏิบัติการทางทหารในภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกของยูเครน
นอกจากนี้เขาบอกว่า "นี่เป็นสงครามแห่งความก้าวร้าว" และยูเครนจะปกป้องตัวเองและประสบชัยชนะ แต่บอกด้วยว่า "โลกสามารถและต้องหยุดยั้งปูติน ต้องเริ่มตอนนี้"
ขณะที่มีรายงานเสียงระเบิดดังขึ้นในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ซึ่งข่าวระบุว่า ศูนย์บัญชาการทางทหารถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ และศูนย์บัญชาการทหารในเมืองคาร์คีฟก็ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธเหมือนกัน โดยก่อนหน้านั้นก็มีแสงระเบิดและกลุ่มควันปกคลุมในเมืองมาริอูโปล เมืองท่าห่างจากชายแดนรัสเซีย 48 กม. ซึ่งก็คาดว่าเป็นการถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ เมืองนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ และจะสร้างความได้เปรียบ หากฝ่ายใดควบคุมพื้นที่นี้ไว้ได้
ล่าสุดกระทรวงกลาโหม ระบุว่า รัสเซียสามารถทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศและกองกำลังทางอากาศของยูเครนได้แล้ว และเจ้าหน้าที่ อ้างว่า ทหารรักษาชายแดนยูเครนไม่ได้ต่อต้านทหารรัสเซียที่เคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่
ประธานาธิบดีปูติน แถลงต่อประชาชนชาวรัสเซียในเวลา 5.50 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 24 ก.พ.ว่า สาธารณรัฐประชาชน 2 แห่งในภูมิภาคดอนบาสได้ขอความช่วยเหลือทางทหารจากรัสเซีย ทำให้เขาตัดสินใจสั่งใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในดอนบาส เพื่อปกป้องผู้คนที่ถูกทรมานและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยรัฐบาลยูเครนมานาน 8 ปี และรัสเซียมุ่งมั่นทำให้ยูเครนปลอดจากลัทธิทหารและลัทธินาซี รวมถึงจะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่ก่ออาชญากรรมนองเลือดต่อพลเรือนจำนวนมาก รวมถึงพลเมืองรัสเซีย
สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ยื่นหนังสือถึงปูตินลงวันที่ 22 ก.พ.เพื่อขอให้รัสเซียให้ความช่วยเหลือทางทหารตามข้อตกลงความร่วมมือที่เพิ่งทำร่วมกัน หลังจากรัสเซียรับรองสถานะรัฐเอกราชของดินแดนทั้งสองเมื่อวันที่ 21 ก.พ.
ปูตินยืนยันว่า รัสเซียไม่มีแผนยึดครองดินแดนยูเครนทั้งประเทศ และขอให้ทหารยูเครนวางอาวุธทันทีและกลับบ้านไป แต่ก็เตือนด้วยว่า ใครก็ตามที่พยายามขัดขวางรัสเซีย และสร้างภัยคุกคามต่อรัสเซีย จะได้รับการตอบโต้จากรัสเซียในทันที และเผชิญผลลัพธ์อย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อนในประวัติศาสตร์