จากกรณีพื้นที่โบราณสถานเมืองเก่าสงขลา พื้นที่ราว 2,460 ไร่ ถูกกลุ่มนายทุน ลักลอบตัดโค่นต้นไม้ ปรับพื้นที่ทำถนนความกว้าง 4 เมตร โดยความยาวอยู่ระหว่างการตรวจ และต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสภาพพื้นที่ "หัวเขาแดง" ในเบื้องต้นพบว่า น่าจะมีการนำเครื่องจักรเข้าลักลอบตัดต้นไม้ และปรับพื้นที่มานานแล้ว แต่กลับไม่ได้มีหน่วยงานใดเข้าดำเนินการตรวจสอบ
ล่าสุด วันนี้ (21 ก.พ.65) นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา เป็นตัวแทนคณะทำงาน นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ ที่ สภ.สิงหนคร จังหวัดสงขลา พร้อมสำรวจความเสียหายพื้นที่ โดยมีตำรวจสภ.สิงหนคร และผู้แทนจากอำเภอสิงหนคร ลงพื้นที่สำรวจสภาพพื้นที่ป่าด้วย
โดยก่อนเข้าแจ้งความ เจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร พยายามเข้าตรวจสอบ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพบว่า มี 2 จุดใหญ่ที่ถูกบุกรุกทำลาย ซึ่งน่าจะส่งกระทบต่อความเป็นโบราณสถานเมืองเก่าสงขลา
โดยภายหลังลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา เปิดเผยว่า ได้นำเสนอปัญหาการบุกรุก ทำลาย โบราณสถานเมืองเก่าสงขลา ไปยังนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อพิจารณาแล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบหมายให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง และร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มอบให้นายอำเภอสิงหนคร และตำรวจ สภ.สิงหนคร ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่ 11 เป็นคณะทำงาน ร่วมตรวจสอบ
นายอมรชาติ แสะอะหมัด ปลัดอำเภอสิงหนคร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจพื้นที่ในวันนี้พบว่ามีการแผ้วทางเส้นทางประมาณ 2 กม. ซึ่งนายอำเภอได้เรียกประชุมข้าราชการที่เกี่ยวข้องและให้ทางกรมศิลปากร แจ้งความดำเนินคดีก่อน โดยก่อนหน้านี้ท่านผู้ว่าราชการได้สั่งการให้ตรวจสอบพื้นที่แต่ก็ไม่พบเครื่องจักรและผู้กระทำความผิดในพื้นที่แต่อย่างใด
โดยหลังจากนี้ผู้อำนวยการกรมศิลปากรที่ 11 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งป่าไม้ และส่วนราชการในพื้นที่ ต้องช่วยกันหาเบาะแสกลุ่มนายทุนดังกล่าว เพื่อไม่ให้กลับเข้าไปทำประโยชน์จนป่าไม้เสียหาย และในอนาคตพื้นที่บริเวณนี้อยู่ในระหว่างเตรียมการเพื่อร่วมผลักดันให้เป็นเมืองเก่าสู่การเป็นแหล่งมรดกโลกในจังหวัดสงขลา ต่อไป