การประท้วงของกลุ่มคนขับรถบรรทุกที่ปิดถนนในกรุงออตตาวา เมืองหลวงของแคนาดาตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว ขยายวงกว้างเป็นการปิดสะพานแอมบาสซาเดอร์ที่เชื่อมระหว่างเมืองวินด์เซอร์ รัฐออนแทรีโอของแคนา กับเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ ที่เป็นแหล่งผลิตรถยนต์และสินค้าเกษตรตั้งแต่คืนวันจันทร์
ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่า การประท้วงของม็อบรถบรรทุกที่สะพานดังกล่าวจะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด
ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังได้รับผลกระทบจากการปิดกั้นเส้นทางสัญจรข้ามพรมแดนสำคัญ ที่มีมูลค่าการค้าชายแดนมากถึงเกือบ 25% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดระหว่างสองประเทศโดยโตโยตา, ฟอร์ด, และไครสเลอร์ ต้องระงับการผลิต หรือ ลดชั่วโมงการทำงานในโรงงานบางแห่งในแคนาดา เพราะขาดแคลนชิ้นส่วนหลังจากการขนส่งหยุดงะชัก ผู้เชี่ยวชาญแสดงความวิตกว่า สถานการณ์นี้อาจนำไปสู่การเลย์ออฟคนงาน และการปรับขึ้นราคาจำหน่ายรถยนต์
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา กล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพุธว่า การปิดกั้น และการชุมนุมอย่างผิดกฎหมายเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และส่งผลเสียต่อธุรกิจและภาคการผลิต พร้อมทั้งประกาศอย่างชัดเจนด้วยว่า "เราต้องทำทุกอย่างเพื่อให้การประท้วงเหล่านี้ยุติ"
ขณะเดียวกันตำรวจในกรุงออตตาวา เตือนจะดำเนินคดีอาญากับผู้ประท้วงที่ปิดถนน หรือ ให้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ประท้วงปิดถนน หลังม็อบรถบรรทุกทำให้การสัญจรในเมืองติดขัดอย่างหนัก และการบีบแตรเสียงดังรบกวนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่เตือนว่า การต้องโทษคดีอาญาอาจทำให้ถูกยึดรถ และไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้อีก และตำรวจยังเพิ่มโทษการส่งเสียงดัง และละเมิดข้อบังคับอื่นๆ ในเมืองเป็นครั้งละ 1,000 ดอลลาร์แคนาดาอีกด้วย