2 กุมภาพันธ์ 2565 นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขาธิการกกต. มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 1 ก.พ. 2565 ถึงผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร แจ้งประกาศจำนวนราษฎรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์และการเตรียมความพร้อมในการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)
หลังสำนักทะเบียนกลางกระทรวงมหาดไทย ส่งประกาศสำนักทะเบียนกลางเรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไป เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 65 มาให้
สำนักงาน กกต. ได้คำนวณจำนวนส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2564 กำหนด เพื่อให้สำนักงานกกต.ประจำจังหวัด และกรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่จำนวนส.ส.แต่ละจังหวัดจะพึงมีเกิน 1 คนเตรียมแบ่งเขตเลือกตั้งไว้เป็นการล่วงหน้าอย่างน้อย 3 รูปแบบ และเมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องมีผลใช้บังคับจะได้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
สำหรับหลักเกณฑ์ในการคำนวณจำนวน ส.ส. ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2564 มาตรา 86 คำนวณจากจำนวนราษฎรทั้งประเทศที่สำนักทะเบียนกลางประกาศรวม 66,171,439 คน และกฎหมายกำหนดให้มีส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน กกต.คำนวณจำนวนราษฎรเฉลี่ยต่อส.ส. 1 คน อยู่ที่ 165,428.5975 คน
สำหรับจังหวัดที่มี ส.ส. มากสุดเรียงตามลำดับ ดังนี้
ทั้งนี้ หากคิดจำนวนส.ส.เป็นรายภาคโดยตามประกาศกกต.เรื่องบัญชีรายชื่อภาคและจังหวัด 2560 ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและ 26 จังหวัด จะมีส.ส. 139 คน ภาคใต้ 14 จังหวัดจะมีส.ส.58 คน ภาคเหนือ 16 จังหวัดจะมีส.ส. 71 คน และภาคอีสาน 20 จังหวัดจะมีส.ส 132 คน
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 2560 มาตรา 86 ได้กำหนดหลักเกณฑ์การคํานวณจํานวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และการแบ่งเขตเลือกตั้งโดยให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร์ที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งหากสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันจะอยู่ครบวาระ4 ปีนับแต่เลือกตั้ง 24 มี.ค.62 ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศก่อนหน้านี้
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหลัง 24 มี.ค.66 ก็จะต้องใช้ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ปี 2565 ที่โดยปกติแล้วสำนักทะเบียนกลางกระทรวงมหาดไทยจะประกาศในช่วงต้นเดือนม.ค.ของปีถัดมา เป็นฐานในการคิดคำนวณจำนวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี
แต่การที่กกต.ใช้ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ปี 2564 เป็นฐานในการคิดคำนวณจำนวนส.ส.ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และสั่งให้จังหวัดเตรียมเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งคู่ขนานไปกับการที่รัฐสภาจะพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับที่เกี่ยวข้อง คือร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง หากแล้วเสร็จและประกาศให้มีผลใช้บังคับ ก็สามารถจัดเลือกตั้งได้ทันที กรณีดังกล่าวจึงอาจเป็นการส่งสัญญาณว่าอาจมีการยุบสภาและมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นภายในปี 65 นี้ก็ได้
ขอบคุณข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ