หลังจากประกาศผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 9 หลักสี่ — จตุจักร อย่างไม่เป็นทางการ โดยผู้ที่ได้รับชัยชนะได้คะแนนเป็นอันดับ 1.ได้แก่ นายสุรชาติ เทียนทอง จากพรรคเพื่อไทย ซึ่ง ได้คะแนน 29,416 คะแนน , 2.นายกรุณพล เทียนสุวรรณ จากพรรคก้าวไกล ได้ 20,361 คะแนน ,3.นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคกล้า ได้ 20,047 คะแนน , 4. นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ ได้ 7,906 คะแนน , 5.นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัช พรรคไทยภักดี ได้ 5,987 คะแนน , 6. นายเจริญ ชัยสิทธิ์ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ได้ 333 คะแนน , 7.นายรุ่งโรจน์ อิบรอฮีม พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ 244 คะแนน ,8. นางสาวกุลรัตน์ กลิ่นดี ผู้สมัคร ส.ส.พรรคยุทธศาสตร์ชาติ ได้ 190 คะแนน
ล่าสุด (31 ม.ค.65) นายถาวร เสนเนียม ที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี ได้ให้สัมภาณ์ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย inside Thailand โดยได้ถอดบทเรียนการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ โดยส่วนพรรคไทยภักดีการที่ได้คะแนนเกือบ 6 พันคะแนนมองว่ายังคงมีความหวังในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีผู้ที่ไม่ออกไปใช้สิทธิถึงสามหมื่นกว่าคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่บ้านมีรั้ว หรือกลุ่มคนชั้นกลางที่อาจเบื่อการเมือง ไม่ศรัทธาในระบอบการเมืองแบบนี้ซึ่งจะต้องนำเรื่องนี้ไปคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะต้องทำอย่างไร
นายถาวร ระบุอีกว่า แต่ยอมรับว่าการที่พรรคไทยภักดี ชูพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขึ้นมาหาเสียงมีแรงสนับสนุนที่ลดลงอย่างชัดเจนจนเป็นนัยสำคัญ ประกอบกับหากนับคะแนนของกลุ่มพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล รวมกันก็ได้มากกว่าโดยทิ้งขาดอีกฝั่งรวมกันอย่างเห็นได้ชัด ถ้ามองแบบแฟร์ ๆ เรื่องนี้จึงเป็นตัวชี้ได้ว่า กลุ่มรัฐบาลในขณะนี้จะต้องกลับไปเป็นฝ่ายค้านให้กลุ่มเพื่อไทยและก้าวไกลบริหาร ดังนั้นในช่วงระยะเวลาที่เหลือนายกรัฐมนตรีจะต้องเร่งแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้มองว่าการที่พรรคพลังประชารัฐพ่ายแพ้อย่างยับเยินในศึกครั้งนี้ เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาล “ลุงตู่” ขาลง อีกทั้งพรรคพลังประชารัฐ แม้ยังไม่แตกก็เหมือนแตกไปแล้วเพราะมีความขัดแย้งและแบ่งเป็นกลุ่มถึง 11 กลุ่ม แต่อย่างไรก็ตามในขณะนี้ทางพรรคยังจะสนับสนุนพลังประชารัฐในการเป็นแกนนำรัฐบาลบริหารประเทศต่อไป