svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

อนามัยโลก ย้ำเตือน อย่าคิดว่าโอมิครอนจะเป็นสายพันธุ์สุดท้ายของโควิด-19

25 มกราคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกโรงเตือน อย่าเพิ่งเข้าใจว่า ไวรัส "โอมิครอน" จะเป็นสายพันธุ์สุดท้ายในการระบาดของโควิด และโลกอยู่ในระยะสุดท้ายใกล้สิ้นสุดการระบาดของไวรัส

เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับการระบาด 2 ปีของไวรัสโควิ-19 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 6 ล้านคน ว่า

 

อนามัยโลก ย้ำเตือน อย่าคิดว่าโอมิครอนจะเป็นสายพันธุ์สุดท้ายของโควิด-19

"อันตรายที่จะสันนิษฐานว่า โอมิครอนจะเป็นสายพันธุ์สุดท้าย และคิดว่าเราอยู่ในระยะสุดท้ายของการระบาด เพราะในความเป็นจริง ไวรัสสายพันธุ์ใหม่สามารถเกิดขึ้นมาได้เรื่อย ๆ ภายใต้สภาพการณ์ของโลกในขณะนี้ และว่าเชื้อโคโรนาไวรัสจะยังคงกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถคาดเดาได้"

นายเทดรอส ยังกล่าวอีกว่า ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องเรียนรู้การควบคุมจัดการเชื้อโคโรนาไวรัส และควรเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดในอนาคต รวมทั้งปรับเปลี่ยนปัจจัยต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การระบาดครั้งใหม่ การระบาดในปัจจุบันสามารถสิ้นสุดลงได้ภายในปีนี้

 

หากประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรการและยุทธศาสตร์ที่มีอยู่เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่งรวมถึง การกระจายการเข้าถึงวัคซีน และการรักษาอย่างเท่าเทียมระหว่างประเทศร่ำรวยและยากจน

อนามัยโลก ย้ำเตือน อย่าคิดว่าโอมิครอนจะเป็นสายพันธุ์สุดท้ายของโควิด-19

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ในขณะนี้ มี 86 ประเทศที่ยังไม่สามารถบรรลุตามเป้าหมายการฉีดวัคซีน ให้ครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 40 ของประชากรของตนได้ พร้อมย้ำเตือนว่า..การะบาดครั้งนี้จะไม่สามารถสิ้นสุดลงได้จนกว่าจะมีการกระจายความเท่าเทียมด้านวัคซีนสำหรับทุกประเทศ

อนามัยโลก ย้ำเตือน อย่าคิดว่าโอมิครอนจะเป็นสายพันธุ์สุดท้ายของโควิด-19

 

"มันอันตรายที่ต่างพากันคิดเอาเองว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะเป็นสัญญาณสิ้นสุดช่วงเวลาที่รุนแรงที่สุดของโควิด แต่..โควิด-19 จะยังจะอยู่กับเราต่อไปอีกในอนาคตอันใกลนี้ และทุกคนควรเรียนรู้..ที่จะใช้ชีวิตกับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโควิด พร้อมทั้งวิงวอนให้หลายประเทศให้ความสำคัญในการเอาชนะการระบาดของโควิด-19 " ผอ.องค์การอนามัยโลก ระบุ

 

ขอขบคุณภาพข่าวจาก  : Reuters

logoline