svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

แง้มยุทธศาสตร์ "สร้างอนาคตไทย" 4 จุดขายสู่ความสำเร็จ

24 มกราคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เรียกว่าต้องเร่งเปิดตัวและโชว์ความพร้อมมากขึ้น สำหรับพรรคการเมืองใหม่ที่หลายคนจับตาอย่าง "สร้างอนาคตไทย" เพราะทิศทางการเมืองหลังจากนี้ มีความไม่แน่นอนสูงจริง ฉะนั้นหลังจากการแถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา

ปรากฏว่าวานนี้ (23ม.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ หนึ่งในแกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ก็ได้เดินทางไปเปิดตัว "ขุนพลอีสาน" ถึงจ.นครพนม นอกจากนี้ ยังมีการไปเปิดตัว นายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี หลายสมัย และอดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ 

 

ขณะเดียวกัน วันนี้ก็ยังมีกิจกรรมที่เทศบาลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม เป็นการเดินตามยุทธศาสตร์การตั้งพรรคใหม่ เพื่อเป็นทางลัดสู่ความสำเร็จทางการเมืองให้รวดเร็วอย่างชัดเจนที่สุด เพราะหากต้องการชนะเลือกตั้ง หรือกวาดที่นั่ง ส.ส. ให้ได้จำนวนมาก ต้องปักธงที่ภาคอีสานให้ได้

 

เนื่องจากภาคนี้ภาคเดียวมี ส.ส.มากกว่า 100 คน การเลือกตั้งแบบบัตรสองใบและการแบ่งเขตเลือกตั้งในบางยุคบางสมัย ภาคอีสานเคยมี ส.ส.มากถึง 130-140 คน เรียกว่าเกิน 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ส.เขต 400 คน ของทั้งประเทศ จึงคือเหตุผลที่พรรคสร้างอนาคตไทย ตัดสินใจเปิดตัว "ขุนพลอีสาน" และไปทำกิจกรรมในพื้นที่นี้เป็นพื้นที่แรก

ยุทธศาสตร์ต่อมา คือ การจะเอาชนะหรือแชร์เก้าอี้ ส.ส.ในการเลือกตั้งใหญ่ได้ ต้องอาศัยตัวบุคคล บวกกับกระแสพรรคระดับหนึ่ง ฉะนั้น การดึง ส.ส. หรืออดีต ส.ส.ในระดับ "บ้านใหญ่" ในแต่ละจังหวัด แต่ละภูมิภาคมาร่วมงานให้มากที่สุด คือหลักประกันการมีพื้นที่ในสภาผู้แทนราษฎร

 

มีข่าวว่าพรรคสร้างอนาคตไทยได้เจรจาดึงตัว ส.ส.บ้านใหญ่ และ ส.ส.ดาวฤกษ์ หมายถึงกลุ่ม ส.ส.ที่มีแสงในตัวเอง ลงสมัครพรรคไหนก็ชนะ มาร่วมอุดมการณ์กับพรรคแล้วจำนวนหนึ่ง โดยบุคคลที่เปิดตัวแล้ว เช่น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.8 สมัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็ถือเป็น ส.ส.เจ้าของพื้นที่คนหนึ่งใน จ.พัทลุง เช่นกัน แสดงให้เห็นว่าพรรคสร้างอนาคตไทยก็ตั้งความหวังกับภาคใต้เอาไว้ด้วย

 

อีกยุทธศาสตร์สำคัญข้อหนึ่งก็ คือ การชูนโยบายและขายภาพลักษณ์พรรคในแง่ของการเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ด้วยทีมงานมืออาชีพ เคยผ่านงานและมีประสบการณ์ชัดเจน โดยก้าวข้ามความขัดแย้งทางการเมืองที่ทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดกับรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐในขณะนี้

 

โดยขุนพลด้านเศรษฐกิจที่ "ขายได้" ของพรรคสร้างอนาคตไทย นอกจาก นายอุตตม สาวนายน อดีตรมว.คลัง และตัวนายสนธิรัตน์ ที่เคยเป็นอดีตรมว.พลังงานแล้ว ยังมีบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจอีกมาก

คนที่ตกลงเข้าร่วมงานแล้วแน่นอน ก็เช่น นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากนั้นยังมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ทั้งในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยในอดีต และในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย

 

จุดขายสำคัญที่ทำให้ "พรรคสร้างอนาคตไทย" ถูกพูดถึงกันมากในแวดวงการเมือง คือ การประกาศชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค โดยจะไม่เสนอชื่อเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตแน่นอน ซึ่งจุดขายนี้ชัดเจนว่าเป็นการแยกตัวจากพรรคพลังประชารัฐ และการเป็น "พรรคสาขา" ของพรรคพลังประชารัฐตามที่หลายฝ่ายวิจารณ์ และยังชิงความได้เปรียบในช่วงที่คะแนนนิยมของรัฐบาลกำลังตกต่ำจากปัญหาสินค้าราคาแพง สร้างภาพพรรคให้โดดเด่นขึ้นมาด้วย

 

คำประกาศของ นายสนธิรัตน์ เกี่ยวกับคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคสร้างอนาคตไทย จะเสนอ 3 ประการ คือ 1.เป็นผู้มีความรู้ความสามารถแก้วิกฤติประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนได้ 2.จะต้องเป็นผู้มีบารมีมากพอที่จะรวมพลังพี่น้องคนไทยมาช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง และ 3.เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ สามารถนำพาประเทศพ้นวิกฤตินั้น

 

จากคำประกาศนี้ ชัดเจนว่าก้าวต่อไปของพรรคสร้างอนาคตไทย จะมีการเปิดตัว ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ค่อนข้างแน่ เพราะทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ และผลงาน ตลอดจนประสบการณ์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ มีมากพอที่จะเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับพี่น้องประชาชนได้

 

สถานการณ์ขณะนี้จึงอยู่ที่การ "รอเวลา" ที่เหมาะสมเท่านั้น และอาจจะยังมีเซอร์ไพรส์เตรียมไว้ให้หลายคนได้ฮือฮากันอีกด้วย

logoline