ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าว AP และศูนย์วิจัย NORC Center for Public Affairs Research ที่เผยแพร่เมื่อวาน พบว่า ชาวอเมริกันมากถึง 56% ไม่พอใจการบริหารงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2564 แต่ 43% พอใจ และชาวอเมริกันเพียง 28% บอกว่า อยากให้เขาลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยที่ 2 ในปี 2567 ขณะที่มีผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตเพียง 48% ที่อยากเห็นเขาลงเลือกตั้งอีกสมัย
ผลสำรวจนี้แตกต่างอย่างมากจากผลสำรวจของ AP และ NORC ที่เผยแพร่เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว โดยผลสำรวจครั้งนั้น พบว่า ชาวอเมริกัน 59% พอใจการทำงานของไบเดน และคะแนนนิยมลดลงเหลือ 50% ช่วงปลายเดือน ก.ย. หลังการถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานนำไปสู่ความยุ่งเหยิงและการนองเลือด การระบาดของโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น และการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และภาษีเผชิญการงัดข้อและการหยุดชะงักในรัฐสภา
ส่วนผลโพลล์ล่าสุด บ่งชี้ว่า ความมั่นใจของชาวอเมริกันต่อการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในช่วงระยะแรกที่ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง เริ่มลดน้อยถอยลง หลังไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอนกำลังทำให้ระบบสาธาณสุขตึงตัว และสร้างความเหนื่อยล้าให้กับชาวอเมริกันที่อยากเห็นชีวิตกลับคืนสู่ภาวะปกติในเวลานี้
ผลสำรวจยังพบว่า ผู้ตอบคำถามเพียง 45% พอใจการดำเนินนโยบายด้านโควิด-19 ของเขา ลดลงจาก 57% ในเดือน ธ.ค.2564 และ 66% ในเดือน ก.ค.2564
ยิ่งกว่านั้นชาวอเมริกันยิ่งผิดหวังกับการบริหารเศรษฐกิจของเขา โดยมีเพียง 37% พอใจนโยบายด้านเศรษฐกิจของเขา กระแสความไม่พอใจเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 40 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 7% จากเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามไบเดนประสบชัยชนะในการผลักดันงบประมาณเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 มูลค่ามหาศาลถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ และกฎหมายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ผลสำรวจของ AP-NORC พบว่า มีชาวอเมริกันเพียง 14% ที่บอกว่า ไบเดนทำงานในฐานะประธานาธิบดีได้ดีเกินคาด และ 46% บอกว่า เขาทำงานได้อย่างที่คาดหวัง และ 39% บอกว่า เขาทำงานได้แย่กว่าที่คาดหวัง
ส่วนประธานาธิบดีไบเดน แถลงข่าวเมื่อวานนี้ก่อนครบรอบหนึ่งปีการเป็นผู้นำสหรัฐฯ โดยยอมรับว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ชาวอเมริกันเหนื่อยล้า และหมดกำลังใจ แต่ยืนยันว่า การรับมือกับโควิด-19 ในช่วงหนึ่งปีแรกที่อยู่ในตำแหน่ง ได้ผลดีกว่าที่คาดหวัง